คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2609/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานแผ้วถางครอบครองที่ดินอันเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ กับฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ใน ความครอบครองเพื่อจำหน่ายเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา เฉพาะความผิดฐานแผ้วถางครอบครองที่ดินอันเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เท่านั้นส่วนความผิดฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายศาลไม่รับฎีกาของจำเลยเพราะต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงเช่นนี้ศาลฎีกาจะก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อหาฐานผลิตกัญชา และมีกัญชาที่ยุติไปแล้วนั้นมิได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2527)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 6 คน ได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปแผ้วถางครอบครองป่าอันเป็นอุทยานแห่งชาติ และได้ร่วมกันผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2504 มาตรา 4, 16, 24, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 7, 26, 75, 76, 102, 103 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาบุกรุกแผ้วถางครอบครองอุทยานแห่งชาติเสีย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาศาลฎีกามีคำสั่งยื่นตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีปัญหาว่า เมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะความผิดฐานแผ้วถางครอบครองที่ดินอันเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเท่านั้นส่วนความผิดฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลไม่รับฎีกาของจำเลยเพราะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นนี้ ศาลฎีกาจะก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อหาฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาด้วยได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ศาลฎีกาจะก้าวล่วงไปวินิจฉัยความผิดที่ยุติไปแล้วนั้นมิได้และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกับพวกเข้าแผ้วถางครอบครองที่ดินอันเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ
พิพากษายืน

Share