คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่ ส.ต.ต. บ. กับ ส.ต.ท. บ. จะเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกของจำเลยนั้น บุคคลทั้งสองไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งจะปฏิบัติตามหน้าที่ทั้งไม่ได้แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ฉะนั้น แม้หากจำเลยจะต่อสู้ขัดขวางมิให้ ส.ต.ต. บ.กับ ส.ต.ท. บ. เข้าจับกุมพวกของจำเลย ก็ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,140, 295, 296, 83
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 140, 295, 296, 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 138, 140 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดจำคุก 1 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ในเบื้องแรกว่าได้มีการจับกุมพวกของจำเลยที่ 1 ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยชอบหรือไม่ ในข้อนี้โจทก์มีสิบตำรวจตรีบริหาร และสิบตำรวจโทบุญธรรมเป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 19 นาฬิกา ขณะที่สิบตำรวจตรีบริหารอยู่ข้างสถานีตำรวจภูธรอำเภอเทิง มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีแดงบรรทุกเด็กวัยรุ่นประมาณ 20 คน แล่นมาตามถนนสายเชียงของ-เชียงคำ มาจอดอยู่กลางถนนซึ่งเป็นทางแยกและเป็นบริเวณห้ามจอดรถ สิบตำรวจตรีบริหารบอกให้ผู้ขับรถนำรถไปจอดข้างทางคนขับรถเชื่อฟังแต่เด็กวัยรุ่นที่โดยสารมาในรถตะโกนใส่สิบตำรวจตรีบริหารว่า “ควยจับเราเรื่องอะไร แน่จริงให้ไล่จับ” แล้วคนขับก็ขับรถออกไป สิบตำรวจตรีบริหารขับรถจักรยานยนต์ตามไปทันบอกให้คนขับขับรถไปสถานีตำรวจภูธรอำเภอเทิง เด็กวัยรุ่นที่นั่งมาในรถประมาณ 10 คน กระโดดลงจากรถเข้ามาผลักอกสิบตำรวจตรีบริหารและมีการท้าชกต่อยกัน สิบตำรวจโทบุญธรรมซึ่งเห็นเหตุการณ์เข้าไปห้าม เห็นว่า ขณะที่สิบตำรวจตรีบริหารกับสิบตำรวจโทบุญธรรมจะเข้าจับกุมกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกของจำเลยที่ 1 นั้น บุคคลทั้งสองไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจและไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งจะปฏิบัติตามหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าได้แจ้งข้อหาแก่เด็กวัยรุ่นคนใดว่าเป็นผู้ดูหมิ่นตนและจะต้องถูกจับ กลับสั่งให้คนขับรถที่เด็กวัยรุ่นโดยสารมาขับรถไปสถานีตำรวจ จึงถือไม่ได้ว่ามีการจับกุมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานโดยชอบ ดังนั้น แม้จะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ต่อสู้ขัดขวางมิให้สิบตำรวจตรีบริหารกับสิบตำรวจโทบุญธรรมเข้าจับกุมพวกของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
พิพากษายืน

Share