คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 22 เมื่อในชั้นอุทธรณ์ไม่มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงไปแล้ว การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 ให้จำเลยขอขมาโจทก์ทั้งสองต่อหน้าศาล หรือเจ้าพ่อหลักเมืองหรืออนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ให้จำเลยประกาศขอขมาโจทก์ทั้งสองโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์รายวันจำนวน 3 วัน และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2837/2533 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์ทั้งสองเสื่อมเสียชื่อเสียงฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ข้อความตามเอกสารหมาย จ.5 มีลักษณะเป็นการชี้แจงถึงผลเสียในการที่ลูกค้าของโจทก์ที่ 2 จะยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตกับบริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด หรือเอ.ไอ.เอ. แล้วไปทำประกันชีวิตกับโจทก์ที่ 1 ไม่ใช่เป็นการใส่ความแต่เป็นการชี้แจงและแนะนำลูกค้าโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลย ไม่ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหาย พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยไม่ใช่การแสดงความเห็นแนะนำลูกค้าโดยสุจริต ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่า อุทธรณ์ดังกล่าวของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา22 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยมิได้กระทำโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้เสียของตน จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกา เห็นว่า คดีนี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 เมื่อในชั้นอุทธรณ์ไม่มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นเพิ่งจะอนุญาตให้โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้นั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจเช่นนั้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์”
พิพากษายกฎีกาของโจทก์.

Share