คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โคหลุดหายไปจากคอกใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายเอง แม้จะมีการไถ่โคที่หายไปได้จากจำเลยก็ตาม จำเลยก็อาจเพียงแต่ทราบว่าโคของผู้เสียหายที่หายไปอยู่ที่ใครและช่วยเหลือไปไถ่คืนมาให้ จึงจะถือว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายรื้อรั้วบ้านอันเป็นการทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ของนายสี ทะนันชัย ผู้เสียหาย แล้วเข้าไปลักเอาโค ๑ ตัว ราคา ๓,๕๐๐ บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดได้โคของผู้เสียหายดังกล่าว ทั้งนี้ โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาโคของผู้เสียหายหรือรับเอาโคของผู้เสียหายที่ถูกลักไปโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มา โดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๕, ๓๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ จำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีน่าเชื่อได้ว่าโคหลุดหายไปจากคอกใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายเอง เพราะหากมีคนร้ายลักและพาเอาโคของผู้เสียหายไปแล้วก็น่าจะเอาไปเสียทั้งสองตัวและจูงออกไปทางประตูรั้ว แทนที่จะแหกรั้วออกไปเช่นนั้น และไม่ปรากฎว่ามีรอยเท้าคนอยู่ด้วยแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการประกาศให้ค่าไถ่โคอีก แม้ที่สุดจะมีการไถ่โคที่หายไปได้จากจำเลยก็ตาม ลำพังเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรไม่ได้เพราะจำเลยอาจเพียงแต่ทราบว่าโคของผู้เสียหายไปอยู่ที่ ใครและช่วยเหลือไปไถ่คืนมาให้เหตุดังกล่าวที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ เป็นผลดีแก่จำเลยนั้นจึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share