แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166ประกอบมาตรา181นั้นโจทก์จะต้องร้องขอภายใน15วันนับแต่วันศาลยกฟ้องมิใช่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งปรากฎว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องเมื่อวันที่30สิงหาคม2537โจทก์มายื่นคำร้องขอเมื่อวันที่12ตุลาคม2537จึงเป็นการเกินกำหนดเวลาแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์อ้างในคำร้องว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์จดวันนัดผิดและแจ้งให้ทนายโจทก์ทราบก็ไม่ใช่เหตุที่โจทก์จะไม่ต้องยื่นคำร้องภายใน15วัน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคแรก
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์จดวันนัดผิดโจทก์มิได้จงใจขาดนัดขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
จำเลยไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2537 ที่ให้เลื่อนไปนัดสืบ30 สิงหาคม 2537 เวลา 13.30 นาฬิกานั้น ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ลงชื่อทราบคำสั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าว จึงถือว่าโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว คำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166ประกอบมาตรา 181 นั้น โจทก์จะต้องร้องขอภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลยกฟ้อง มิใช่วันที่โจทก์ทราบคำสั่ง ปรากฎว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2537 โจทก์มายื่นคำร้องเมื่อวันที่12 ตุลาคม 2537 จึงเป็นการเกินกำหนดเวลา แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์อ้างในคำร้องว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์จดวันนัดผิดและแจ้งให้ทนายโจทก์ทราบก็เป็นความผิดของโจทก์เองไม่ใช่เหตุที่โจทก์จะไม่ต้องยื่นคำร้องภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง
พิพากษายืน