แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โรงเรือนของโจทก์เป็นประเภทโรงงานโรงเรือนของบริษัทท.เป็นโรงเรือนธรรมดาสภาพของโรงเรือนไม่เหมือนกันพนักงานของจำเลยที่1นำอัตราค่าเช่าโรงเรือนของบริษัทท. ซึ่งให้บริษัทข. เช่ามาเป็นเกณฑ์คำนวณค่ารายปีของบริษัทโจทก์ด้วยจึงไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงและที่โรงเรือนของบริษัทท. ให้เช่าได้เดือนละ101,000บาทก็เป็นเรื่องเฉพาะรายไม่ใช่อัตราค่าเช่าทั่วๆไปทั้งที่ดินและโรงเรือนดังกล่าวอยู่คนละถนนกันการที่พนักงานของจำเลยที่1แก้ไขค่ารายปีของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีโรงเรือนเพิ่มขึ้นมากมายและอัตราส่วนที่เพิ่มก็ไม่แน่นอนดังนี้เป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสมควรให้ประเมินเงินเพิ่มขึ้นปีละ20เปอร์เซนต์ตามภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โรงพ่นสีของโจทก์ใช้เป็นที่พ่นสีกระเบื้องลอนคู่มุงหลังคาบ้านภายในโรงงานมีแท่นสายพาน 3แท่นยาวตลอดโรงงานติดตั้งถาวรกับเสาเหล็กมีกล่องเหล็กสำหรับอบความร้อนและพ่นสีหุ้มสายพานมีเครื่องพ่นสีติดตั้งอยู่เหนือแท่นสายพาน มีเครื่องปั๊มลมอยู่ด้านหลังใกล้ๆเครื่องปั๊มลมมีเครื่องทำความร้อน2เครื่องและมีท่อระบายความร้อนผ่านเหนือแท่นสายพานโรงพ่นสีของโจทก์จึงเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องของโจทก์ย่อมได้รับลดหย่อนค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามตามมาตรา13แห่งพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475หาจำต้องเป็นเครื่องจักรกลไกที่มีลักษณะเป็นเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าด้วยไม่ โจทก์เป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าและประกอบการอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องกระดาษเพื่อมุ่งหาผลกำไรสำนักงานนายช่างก็คือสถานที่กำเนิดงานของโจทก์ส่วนโรงอาหารก็จัดไว้เพื่อพนักงานของโจทก์หรือผู้ที่มาติดต่อธุรกิจกับโจทก์ส่วนสถานพยาบาลก็เป็นสถานที่สำหรับรักษาพยาบาลให้แก่พนักงานของโจทก์โดยเฉพาะถือได้ว่าโจทก์ใช้โรงเรือนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมของโจทก์มิใช่โจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาตามความหมายของมาตรา11แห่งพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475ที่แก้ไขแล้ว พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475มาตรา39วรรคสองมีความหมายว่าในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอคืนเงินค่าภาษีส่วนที่โจทก์จำต้องชำระเกินไปและศาลพิพากษาให้คืนจำเลยก็ต้องคืนให้โจทก์ภายในกำหนด3เดือนนับแต่คำพิพากษาถึงที่สุดไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่ถ้าไม่คืนในกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยก็ต้องเสียดอกเบี้ย(ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี)ให้โจทก์โดยนับแต่วันครบกำหนด3เดือนจากวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า พนักงานของจำเลยที่ 1 ประเมินภาษีโรงเรือนของโจทก์รวม 18 รายการ ใน พ.ศ. 2523 และ พ.ศ. 2524 สูงกว่าในปี 2522 มาก โดยสูงกว่าตั้งแต่ร้อยละ 44 ถึงร้อยละ 654 โดยเฉพาะโรงเรือนรายการที่ 10 นั้นเป็นโรงพ่นสีควรได้รับลดหย่อนค่ารายปีลงหนึ่งในสาม และโรงเรือนรายการที่ 16, 17, 18 คือสำนักงานนายช่างโรงอาหาร และสถานพยาบาล เป็นโรงเรือนที่โจทก์ใช้ติดต่อธุรกิจของโจทก์เอง มิได้ใช้เป็นที่เก็บสินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรม ย่อมได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนแต่พนักงานของจำเลยที่ 1 ไม่คำนวณให้ดังกล่าว ภาวะค่าครองชีพหรือภาวะเศรษฐกิจสูงขึ้นปีละไม่เกินร้อยละ 20 โจทก์ได้ร้องขอให้จำเลยที่ 2 พิจารณาประเมินภาษีโรงเรือนใหม่โดยได้นำเงินค่าภาษีจำนวนที่พนักงานประเมินประเมินได้ไปชำระแก่จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 มีคำชี้ขาดให้โจทก์เสียภาษีโรงเรือนตามจำนวนที่พนักงานของจำเลยที่ 1 ได้ประเมินไว้โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วย ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนประจำปี พ.ศ. 2523 และ พ.ศ. 2524 และเพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินภาษีที่เรียกเก็บเกินไปพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โรงเรือนรายการที่ 16, 17, 18โจทก์ใช้ติดต่อธุรกิจของโจทก์และใช้เป็นสถานพยาบาล เป็นการแสวงหาประโยชน์จากโรงเรือนนั้นโดยตรง ไม่ได้รับงดเว้นภาษีพนักงานของจำเลยที่ 1 ได้กำหนดค่ารายปีโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 8ประกอบกับนำโรงเรือนพิพาทเทียบกับโรงเรือนของผู้อื่นซึ่งอยู่ในลักษณะคล้ายคลึงกัน และอยู่ในทำเลที่ตั้งคล้ายกับโรงเรือนของโจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 ได้ชี้ขาดไปตามความเห็นของคณะกรรมการที่เห็นด้วยกับการประเมิน การประเมินและคำชี้ขาดดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนประจำปี 2523 และ 2524 และเพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าภาษีโรงเรือนแก่โจทก์จำนวน 453,519.45 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของจำนวนเงิน 240,713.85บาท นับแต่วันที่ 26 กันยายน 2523 และของจำนวนเงิน 212,805.60 บาทนับแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2524 จนถึงวันชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การประเมินเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าสำหรับรายการที่ 16, 17, 18 เป็นการประเมินเรียกเก็บโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายไม่ใช่เป็นกรณีที่ลดภาษีตามมาตรา 39 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475 จำเลยไม่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายมาตรานี้พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 คืนภาษีโรงเรือนแก่โจทก์จำนวน453,509.45 บาท (ควรเป็น 453,519.55 บาท) ภายในกำหนดสามเดือนมิฉะนั้นให้จำเลยที่ 1 เสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 225,608.85 บาท นับแต่วันที่ 26 กันยายน 2523 และในต้นเงิน 197,700.60 บาท นับแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2524 จนถึงวันชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1นำอัตราค่าเช่าโรงเรือนของบริษัทไทยสมุทรพาณิชย์ประกันภัย จำกัดซึ่งให้บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ จำกัด เช่ามาเป็นเกณฑ์คิดคำนวณค่ารายปีของบริษัทโจทก์ด้วยนั้นยังไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงเพราะสภาพของโรงเรือนไม่เหมือนกัน คือโรงเรือนของโจทก์เป็นประเภทโรงงานส่วนของบริษัทไทยสมุทรพาณิชย์ประกันภัย จำกัดเป็นโรงเรือนธรรมดา และการให้เช่าเดือนละ 100,000 บาทนั้น ก็เป็นเรื่องเฉพาะราย อาจเป็นความจำเป็นของผู้เช่าก็ได้ หาใช่เป็นอัตราค่าเช่าทั่ว ๆ ไปไม่ ทั้งที่ดินและโรงเรือนดังกล่าวก็อยู่คนละถนนกัน การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แก้ไขค่ารายปีของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีโรงเรือนเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งบางรายการเพิ่มขึ้นถึง 654 เปอร์เซ็นต์ และภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้นก็เพิ่มในอัตราส่วนที่ไม่แน่นอน บางรายการเพิ่มขึ้น 654 เปอร์เซ็นต์บางรายการเพิ่มขึ้น 470 เปอร์เซ็นต์ และบางรายการก็เพิ่มขึ้น44 เปอร์เซ็นต์ เป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสมควรให้ประเมินในอัตราที่เพิ่มขึ้นปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ ตามภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นดังที่โจทก์อ้าง…”
สำหรับโรงพ่นสีรายการที่ 10 “เมื่อศาลชั้นต้นออกไปตรวจสอบโรงเรือนพิพาทนั้นได้บันทึกเกี่ยวกับการตรวจสอบไว้ว่า เป็นอาคารที่ใช้เป็นที่พ่นสีกระเบื้องลอนคู่มุงหลังคาบ้าน ภายในโรงงานมีแท่นสายพาน 3 แท่น ยาวตลอดโรงงาน ตัวสายพานเป็นลูกกลิ้งเหล็กใช้โซ่เป็นตัวฉุดฉาก ติดตั้งถาวรกับเสาเหล็กมีกล่องเหล็กสำหรับอบความร้อนและพ่นสีหุ้มสายพาน มีเครื่องพ่นสีติดตั้งอยู่เหนือแท่นสายพาน มีเครื่องปั๊มลมอยู่ด้านหลัง ส่วนเครื่องทำความร้อนอยู่ใกล้ ๆ กับเครื่องปั๊มลม เครื่องทำความร้อนนี้ทำความร้อนได้40,000 แคลอรี่ต่อชั่วโมง รวม 2 เครื่อง มีท่อลมระบายความร้อนจากเครื่องทำความร้อนผ่านไป เหนือแท่นสายพาน และข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อโจทก์ผลิตกระเบื้องขึ้นแล้วจะนำมาพ่นสีที่โรงงานแห่งนี้ เมื่อพิเคราะห์ข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ประกอบกับภาพถ่ายโรงงานพ่นสีหมาย จ.33 ศาลฎีกาเห็นว่าโรงพ่นสีรายการที่ 10ของโจทก์ เป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องของโจทก์ย่อมได้รับลดหย่อนค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3 ตามมาตรา 13แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรื่อนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 โดยเครื่องจักรกลไกที่นำมาติดตั้งนั้นหาจำเป็นต้องมีลักษณะเป็นเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าด้วยไม่…”
“โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นอันจะได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 ที่แก้ไขโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3นั้น ได้แก่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา และซึ่งมิได้ใช้เป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรม พิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าและอประกอบการอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องกระดาษเพื่อมุ่งหาผลกำไร สำนักงานนายช่างก็คือสถานที่ดำเนินงานของโจทก์นั่นเอง ส่วนโรงอาหารก็จัดไว้ เพื่อพนักงานของโจทก์หรือผู้ที่มาติดต่อธุรกิจกับโจทก์ ส่วนสถานพยายาลก็เป็นสถานที่สำหรับรักษาพยาบาลให้แก่พนักงานของโจทก์โดยเฉพาะ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ใช้โรงเรือนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมของโจทก์ มิใช่โจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาตามความหมายของมาตรา 10 แห่ง พระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่ได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือน…”
“พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 39วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ถ้าศาลตัดสินให้ลดค่าภาษี ท่านให้คืนเงินส่วนที่ลดนั้นภายในสามเดือน โดยไม่คิดค่าอย่างใด” ซึ่งหมายความว่าในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอคืนเงินค่าภาษีส่วนที่โจทก์จำต้องชำระเกินไปและศาลพิพากษาให้คืน จำเลยก็ต้องคืนให้โจทก์ภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด โดยมิต้องเสียดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่คืนในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ โดยคิดดอกเบี้ยนับแต่วันครบกำหนด 3 เดือนจากวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด มิใช่นับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระเงินภาษี…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2523 เฉพาะรายการที่ 1, 2, 5, 8, 9, 10, 11, 12,14 และ 15 โยให้ลดภาษีเป็นจำนวนเงิน 225,608.85 บาท และให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2524เฉพาะรายการที่ 1, 2, 8, 9, 10, 11, 12 และ 15 โดยให้ลดค่าภาษีเป็นจำนวนเงิน 197,700.60 บาท และให้เพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับรายการดังกล่าวแล้วข้างต้น ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินภาษีโรงเรือนและที่ดินแก่โจทก์จำนวน 225,608.85 บาท และ197,700.60 บาท รวมเป็นเงิน 423,309.45 บาท ภายใน 3 เดือนนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ถ้าไม่ชำระในกำหนดเวลาดังกล่าวก็ให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันครบกำหนด 3 เดือน จากวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จนกว่าจะชำระเสร็จให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินรายการที่ 16, 17 และ 18 สำหรับปีภาษี 2523 และ 2524 นั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามพิพากษาศาลอุทธรณ์”.