แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้กรมปศุสัตว์จำเลยที่ 2 จะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำเลยที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 ก็เป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อการบังคับบัญชาของจำเลยที่ 3 ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 216 ข้อ 13 และข้อ 14 ที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยที่ 1 พนักงานขับรถของจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติราชการไปตามหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 กระทรวงเจ้าสังกัดก็ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-0456 สงขลา ไว้จากบริษัทหาดทิพย์ จำกัด เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2529 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุก ซึ่งใช้ในราชการประจำที่สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์จังหวัดยะลา มาตามคำสั่งหรือในราชการของจำเลยที่ 2 และที่ 3ด้วยความประมาท ชนรถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ทำให้รถยนต์ดังกล่าวและสินค้าเสียหาย โจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว 166,839 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 168,518 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 166,839 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การในทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-0456 สงขลาและโจทก์ยังมิได้ใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทหาดทิพย์ จำกัดนอกจากนั้นนายอะฝายคนขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน80-0456 สงขลา เป็นฝ่ายประมาท จำเลยที่ 1 มิได้ขับรถไปในทางราชการหรือในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3มิได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ความเสียหายของรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-0456 สงขลา ไม่ถึงจำนวนที่ฟ้อง และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน168,518 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน166,839 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 9 มีนาคม 2530) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ฎีกาได้เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 รับราชการเป็นพนักงานขับรถประจำสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์จังหวัดยะลา สังกัดกรมปศุสัตว์จำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำเลยที่ 3จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 9น-5944กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2529 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-0456 สงขลา ของบริษัทหาดทิพย์ จำกัดซึ่งได้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับโจทก์ เป็นเหตุให้รถยนต์และสินค้าที่บรรทุกมากับรถยนต์ของบริษัทหาดทิพย์ จำกัด ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 166,839 บาท ซึ่งโจทก์ได้จ่ายให้แก่บริษัทหาดทิพย์จำกัด ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ปัญหาวินิจฉัยข้อแรกมีว่า จำเลยที่ 3จะต้องรับผิดต่อบริษัทหาดทิพย์ จำกัด หรือไม่ เห็นว่า แม้กรมปศุสัตว์จำเลยที่ 2 จะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำเลยที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 ก็เป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อการบังคับบัญชาของจำเลยที่ 3 ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216ข้อ 13 และข้อ 14 ที่แก้ไขใหม่แล้ว ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1พนักงานขับรถของจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติราชการไปตามหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 กระทรวงเจ้าสังกัดจึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 3ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน