แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เคยฟ้องศาลขอให้สั่งว่าบุตรอยู่ในอำนาจปกครองของตน ศาลพิพากษาว่ายังไม่ได้จดทะเบียนเด็กว่าเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมาย จึงยังไม่มีผลทำให้โจทก์เป็นบิดาของเด็กตามกฎหมาย ภายหลังโจทก์จึงจัดการจดทะเบียนรับรองบุตรโดยชอบแล้ว มายื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งถอนอำนาจปกครองนั้นจากมารดาเด็กมาให้อยู่กับโจทก์ได้ แต่เมื่อมีพฤติการณ์ที่สมควรศาลก็มีอำนาจที่จะให้อำนาจการปกครองบุตรอยู่แก่มารดาของเด็กต่อไปอีกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยซึ่งมิใช่สามีภริยากันได้เกิดบุตรด้วยกัน ๓ คน แต่โจทก์ได้จดทะเบียนรับรองบุตรแล้ว จำเลยกับพวกกีดขวางไม่ให้โจทก์เยี่ยมบุตรจำเลยไม่มีอาชีพ ไม่มีทรัพย์เป็นหลักฐาน ไม่อาจให้อุปการะแก่บุตรได้ ทำให้เด็กทุกข์ยาก จึงขอให้ศาลถอนอำนาจปกครองบุตรทั้ง ๓ จากจำเลยให้อำนาจปกครองบุตรอยู่กับโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยส่งเด็กชายซุนฟุกบุตรคนกลางให้โจทก์ ให้อำนาจปกครองเด็กชายซุนฟุกอยู่แก่โจทก์
โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาแล้ว ๒ ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ในคดีก่อนนั้น ศาลพิพากษาให้อำนาจปกครองเด็กทั้งสามอยู่แก่จำเลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ยังไม่จดทะเบียนเด็กว่าเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมาย จึงยังไม่มีผลทำให้โจทก์เป็นบิดาของเด็กตามกฎหมาย โจทก์ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้อำนาจปกครอง คดีถึงที่สุด ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ความว่าเด็กทั้งสามอยู่ในความปกครองของจำลเยเดือดร้อนประการใด อันควรจะถอนให้มาอยู่ในความปกครองของโจทก์ โจทก์จำเลยมีฐานะทัดเทียมกันอยู่ จำเลยก็พอที่จะเลี้ยงดูให้ความสุขแก่เด็กได้ตามควร การถอนเด็กมาให้บิดาปกครองเป็นการเสี่ยง และไม่แน่ว่าเด็กจะได้รับความสุขเท่าอยู่กับจำเลยหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยส่งเด็กชายซุนฟุกให้แก่โจทก์มีอำนาจปกครองนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นชอบด้วย
จึงพิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น