แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่บริษัทขนส่ง จำกัด ผู้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบกได้ทำสัญญาให้โจทก์เข้าปรับปรุงพื้นที่สถานีขนส่งสายเหนือ(ตลาดหมอชิต) ของบริษัทขนส่ง จำกัด แต่บริษัทขนส่ง จำกัดไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทำการก่อสร้าง เนื่องจากกรมธนารักษ์โต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ กรมการขนส่งทางบกไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำสัญญาแล้วกระทรวงคมนาคมกระทรวงการคลัง กรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์และบริษัทขนส่งจำกัด ได้ร่วมประชุม และมีมติให้กรมการขนส่งทางบกมอบที่ดินดังกล่าวคืนกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์ เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์ พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิปลูกสร้าง และรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด แต่ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ในฐานะรองอธิบดีกรมธนารักษ์รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อกระทรวงคมนาคมจะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด รวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเบลเยี่ยมเสนออันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามทุจริตอย่างไร คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 83 ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การกระทำของจำเลยทั้งสามที่โจทก์อ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็คือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์ และ บริษัทขนส่ง จำกัดมีมติให้กรมการขนส่งทางบกมอบที่ดินเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ คืนกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิที่จะปลูกสร้างและรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด ขณะที่กรมธนารักษ์กำลังดำเนินการตามมติดังกล่าวอยู่ จำเลยที่ 1 และที่ 2ได้ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากกระทรวงการคลัง และจำเลยที่ 3 ได้ส่งมอบที่ดินนั้นคืนให้แก่กระทรวงคมนาคม จึงเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถเข้าไปปรับปรุงที่ดินดังกล่าวตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เห็นว่าโจทก์ยอมรับอยู่แล้วว่าการที่กรมการขนส่งทางบกมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด นำที่ดินดังกล่าวมาทำสัญญาปรับปรุงพื้นที่ของสถานีขนส่ง บริษัทขนส่ง จำกัด (ตลาดหมอชิต) กับโจทก์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ซึ่งแม้ต่อมากระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์และบริษัทขนส่ง จำกัด จะได้พิจารณาร่วมกันแล้วมีมติตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ก็หามีผลผูกพันทำให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ ต้องปฏิบัติตามมติดังกล่าวโดยจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคม พิจารณาแล้วเห็นว่า มติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ดังจะเห็นได้จากหนังสือกรมธนารักษ์ที่ กค 0406/631 ลงวันที่ 15มีนาคม 2531 ที่มีถึงโจทก์ ตามเอกสารท้ายอุทธรณ์ของโจทก์หมายเลข 3ชี้แจงถึงเหตุผลในการที่กระทรวงคมนาคมขอที่ดินแปลงดังกล่าวคืนเพื่อกระทรวงคมนาคมจะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเบลเยี่ยมเสนออันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ หากโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่บริษัทขนส่ง จำกัดผิดสัญญาต่อโจทก์อย่างไร โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง ข้อที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสามปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตนั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามมีเจตนาแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นอย่างไรที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฎีกาว่า จำเลยทั้งสามอาจนำที่ดินดังกล่าวไปให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้ดำเนินการต่อ และได้รับประโยชน์ในการใช้ที่ดินดังกล่าวนั้นได้ ก็เป็นแต่เพียงความคาดหมายของโจทก์เท่านั้นถึงแม้จะทำการไต่สวนไป ก็ไม่พอที่จะฟังว่าจำเลยทั้งสามปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน