แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ๆ ที่ 1 ฐานลักทรัพย์ตาม ม.295 จำคุก 3 ปี ครั้งที่ 2 ฐานชิงทรัพย์ ตาม ม.299 จำคุก 1 ปี 6 เดือน แล้วกลับมากระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ในคดีนี้อีก (เป็นครั้งที่ 3) ภายใน 5ปี ดังนี้ จำต้องเพิ่มโทษจำเลยเป็นทวีคูณตาม ม.74.
(อ้างฎีกาที่ 1266/2481)
ย่อยาว
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว ๒ ครั้ง ๆ แรกฐานลักทรัพย์จำคุก ๓ ปี ครั้งที่ ๒ ฐานชิงทรัพย์ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน แล้วมากระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ในคดีนี้อีก หลังจากพ้นโทษครั้งที่ ๒ ไปยังไม่ครบ ๕ ปี
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม.๒๙๗, ๓ ปี เพิ่มโทษตาม ม.๗๒ ๑ ใน ๓ ลดโทษตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย ๒ ปี และให้ลงโทษกักกันจำเลยอีก ๓ ปี
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเพิ่มโทษจำเลยทวีคูณตาม ม.๗๔ เป็นจำคุก ๖ ปี ลดตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่งเหลือ ๓ ปี นอกนั้นคงเดิม๋
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑ ฐานลักทรัพย์ ตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๙๕ จำคุก ๓ ปี พ้นโทษเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๑๔๙๑ และครั้งที่ ๒ ฐานชิงทรัพยืตาม ม.๒๙๙, ๕๙ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน พ้นโทษเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๔๙๓ แล้วจำเลยมากระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ในคดีนี้อีกภายใน ๕ ปี จึงต้องเพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๗๔ ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๖๖/๒๔๘๑ คดีระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ นางช้อย ฤกษ์รักษา จำเลย
จึงพิพากษายืน.