คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและห้องพิพาท ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินและห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์รวมของโจทก์กับจำเลย พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและห้องพิพาทส่วนของโจทก์ แม้ต่อมาจะมีปัญหาในชั้นบังคับคดีว่า ไม่ปรากฏว่าที่ดินและห้องพิพาทซึ่งมีอยู่ 2 ห้อง ส่วนใดเป็นของโจทก์ที่จำเลยและบริวารต้องออกไป ศาลชั้นต้นก็ไม่อาจมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายได้ เพราะเป็นการบังคับคดีที่นอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 271

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5643 ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และห้องพิพาทส่วนที่เป็นของโจทก์ ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอหมายบังคับคดี ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขอให้ศาลออกหมายจับกุมและกักขังจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นจึงนัดพร้อมและมีคำสั่งว่า ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาว่าไม่ได้บ่งชี้ว่าที่ดินตึกแถวพิพาทส่วนไหนเป็นของโจทก์หรือของจำเลย จึงให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 ไปตกลงราคาค่าทรัพย์พิพาทระหว่างกันเอง หากตกลงกันไม่ได้ให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง และให้ออกหมายปล่อยจำเลยที่ 1 แต่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายระหว่างกันเองแล้วนำเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1364
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำสั่งศาลชั้นต้นให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายระหว่างคู่ความหรือนำออกขายทอดตลาด ตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2543 ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5643 และห้องพิพาทส่วนที่เป็นของโจทก์โดยวินิจฉัยว่าที่ดินและห้องพิพาทเดิมมีโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมอยู่กับนางกิมเน้ยมารดาของโจทก์โดยไม่ปรากฏว่าใครมีส่วนเท่าใด จึงถือว่ามีกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง นางกิมเน้ยไม่มีสิทธิจะขายที่ดินทั้งแปลงให้ฝ่ายจำเลยเพราะไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ แต่ที่ดินและห้องพิพาทในส่วนที่เป็นของโจทก์ ฝ่ายจำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิของโจทก์อันเป็นการครอบครองแทนโจทก์ ดังนี้ แม้ต่อมาจะมีปัญหาในชั้นบังคับคดีว่า ไม่ปรากฏว่าที่ดินและห้องพิพาทซึ่งมีอยู่ 2 ห้อง ส่วนใดเป็นของโจทก์ที่จำเลยที่ 1 และบริวารต้องออกไป ศาลชั้นต้นก็ไม่อาจมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายได้เพราะเป็นการบังคับคดีที่นอกเหนือจากคำพิพากษา ซึ่งไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 271 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายระหว่างคู่ความหรือนำออกขายทอดตลาดจึงไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share