แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 และที่ 2ว่าสำนักงานของทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนั้นได้เลิกประกอบกิจการไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในสำนักงานดังกล่าว ซึ่งพนักงานเดินหมาย ก็ทราบดี จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมไม่อาจทราบเรื่องหมายนัด ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการ ไต่สวนให้ได้ความว่าการส่งหมายนัดดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 ชอบแล้วหรือไม่ก่อน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 85444 และ 85445 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 นำออกประมูลขายทอดตลาด ในราคา 11,600,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดให้แก่นายชาตรี งามอภิชน และนายชาญ เธียรกานนท์ โดยมิชอบ และในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ โจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ในการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปให้ทนายความโจทก์และทนายความจำเลยที่ 1 และที่ 2 เฉพาะทนายความจำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่งโดยวิธีปิดหมาย ถึงวันนัดจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้ผู้รับมอบฉันทะทนายความโจทก์ฟังและถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ทราบคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องว่า พนักงานเดินหมายส่งหมายนัดให้แก่นายนิพัธ ปิ่นแสง ทนายความจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยการปิดหมายที่สำนักงานเลขที่ 723/48 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักงานดังกล่าวได้เลิกประกอบการไปนานแล้ว นายนิพัธย้ายไปอยู่ที่สำนักงานอื่นจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาไปจึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบหรือไม่ ตามรายงานการเดินหมายของกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2536 ว่าพนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปที่บ้านเลขที่ 723/84 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งให้แก่นายนิพัธ ปิ่นแสง ทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2แต่ไม่พบตัว พบแต่บ้านปิดประตูใส่กุญแจ จึงได้ปิดหมายตามคำสั่งศาล การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องลงวันที่ 14 ตุลาคม 2537 อ้างว่า สำนักงานของนายนิพัธทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนั้นได้เลิกประกอบกิจการไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในสำนักงานดังกล่าวซึ่งนายสุชล ปานกลาง พนักงานเดินหมายก็ทราบดี ซึ่งหากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมจะไม่ทราบเรื่องหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่ศาลล่างทั้งสองด่วนยกคำร้องของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลชั้นต้นสมควรที่จะต้องทำการไต่สวนให้ได้ความว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชอบแล้วหรือไม่”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของ จำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี