แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเอาเรือไปลอยบันทุกไม้ของเจ้าทรัพย์ผู้จัดการดูแลมาพบเข้าถามจำเลย ๆ บอกว่าเจ้าทรัพย์ใหม้มาบันทุกผู้จัดการก็เลยไปดังนี้เป็นความผิดฐานหลักทรัพย์ไม่ใช่ฉ้อโกง,โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดฐานฉ้อโกงทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีผิดหลักฐานทรัพย์ศาลต้องยกฟ้อง,คดีอาญาที่โจทก์ขอให้คืนทรัพย์และชดใช้ราคามาด้วยนั้นเมื่อศาลยกฟ้อง,คดีอาญาเสียแล้วศาลไม่บังคับสวนแพ่งให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกล่าวเท็จแก่นายพรว่าผู้จัดการของนายยู่ยี่ให้จำเลยมาบัทุกเปลือกไม้ ๑๕๐ มัด นายพรหลงเชื่อจึงให้จำเลยบันทุกไม้ไป จำเลยเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียขอให้ลงโทษ
ทางพิจารณาได้ความจากคำนายพรพะยานโจทก์ว่า พะยานมีหน้าที่ส่งเปลือกไม้ของนายยูยี่และได้ขนขึ้นกองไว้ที่พลาดยาง ๑๕๐ มัดวันเกิดเหตุพะยานพบจำเลยกำลังขนเปลือกไม้นี้ไป พะยานจึงถามว่าจะเอาไปไหน จำเลยตอบว่านายล้อให้มาบันทุก พะยานจึงเชื่อคำจำเลยมิได้พูดว่ากระไร่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามคำนายพรนี้จะเห็นได้ว่าจำเลยขนเปลือกไม่อยู่ก่อนแล้วนายพรเป็นแต่หลงเชื่อปล่อยให้จำเลยขนต่อไปไม่ได้ส่งมอบเปลือกไม้ไม่ให้จำเลย ๆ ไม่มีผิดฐานฉ้อโกงแม้จะฟังว่าเป็นการลักทรัพย์ก็ลงโทษจำเลยมิได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา ๑๙๒ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต้องถือว่าจำเลยมีผิดฐานหลักทรัพย์ จริงอยู่เมื่อนายพรมาพบจำเลย ๆ ยังขนเปลือกไม่อยู่จำเลยก็พูดปดนายพรเพื่อแก้ตัวเท่านั้น มิได้กล่าวเท็จเพื่อให้นายพรส่งเปลือกไม้เพราะขณะนั้นเปลือกไม้มิได้อยู่ที่นายพร ๆ มิได้มอบเปลือกไม้แก่จำเลยแต่อย่างใด รูปคดีไม่เป็นฉ้อโกง เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ อนึ่งโจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเปลือกไม้ของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังขาดอยู่แก่นายยูยี่นั้น เมื่อศาลยกฟ้องคดีอาญาจะบังคับส่วนแพ่งมิได้เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน