แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำว่า “ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดให้ริบเสีย” ตามมาตรา 21 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าวนั้น จะต้องเป็นข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดโดยตรงจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวโดยชอบแล้ว ความผิดของจำเลยอยู่ที่ละเว้นไม่ทำรายงานการค้าข้าวแสดงปริมาณข้าวในครอบครองเท่านั้น ข้าวของกลางไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดของจำเลยแต่อย่างใด จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จะพึงริบ
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว และให้ริบข้าวของกลาง จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในชั้นนี้คดีมีปัญหาแต่เพียงว่าข้าวสาร137 กระสอบ ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จะพึงริบหรือไม่ พระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช 2489 มาตรา 21 ทวิ ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการค้าข้าว(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 12 บัญญัติว่า “ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดตลอดจนสิ่งที่ใช้บรรจุให้ริบเสีย” ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างแล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่ 491/2510 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาสโจทก์ นายวินขื่อ แซ่เตียว จำเลยว่า คำว่า “ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิด” นี้จะต้องเป็นข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดโดยตรง จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวโดยชอบแล้ว ความผิดของจำเลยอยู่ที่การละเว้นไม่ทำรายงานเท่านั้น ข้าวของกลางไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดของจำเลยแต่อย่างใดจึงไม่ริบ ข้าวสารของกลางคดีนี้จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จะพึงริบ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาดังกล่าว ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนของกลางแก่จำเลย นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”