แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยดำรงชีพอยู่ด้วยผลจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี โดยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ และไม่มีปัจจัยเพียงพอสำหรับดำรงชีพ ได้บังอาจรับเงินโดยหญิงซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีรายได้จากการรับจ้างซ่อมวิทยุและโทรทัศน์และจากค่าเช่าบ้าน ไม่ปรากฏว่ารายได้ดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับดำรงชีพ ถึงจำเลยจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากหญิงซึ่งค้าประเวณีก็ตาม ก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอายุกว่า 16 ปี ดำรงชีพอยู่ด้วยผลจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี โดยไม่มีปัจจัยอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ และไม่มีปัจจัยเพียงพอสำหรับดำรงชีพได้บังอาจรับเงินโดยหญิงซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 ฯลฯ จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าของบ้านอันเป็นสถานการค้าประเวณีไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยเป็นผู้จัดการสถานการค้าประเวณีดังกล่าวเองมีหญิงซึ่งค้าประเวณีอาศัยอยู่กับจำเลยหลายคน เงินได้จากการค้าประเวณีของหญิงเหล่านี้ จำเลยได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง ในปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำผิดตามโจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยดำรงชีพอยู่ด้วยผลจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี โดยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ และไม่มีปัจจัยเพียงพอสำหรับดำรงชีพ ได้บังอาจรับเงินโดยหญิงซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีรายได้จากการรับจ้างซ่อมวิทยุและโทรทัศน์และจากค่าเช่าบ้าน ไม่ปรากฏว่ารายได้ดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับดำรงชีพ ถึงจำเลยจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากหญิงซึ่งค้าประเวณีก็ตามก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 นั้น
พิพากษายืน