แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ได้ความว่า การที่จำเลยไปแจ้งว่าชายคนที่ไปร้านของจำเลยคือโจทก์นั้น ก็เป็นการแจ้งไปตามคำบอกเล่าของเด็กที่อยู่ในร้าน โจทก์มิได้ยืนยันข้อเท็จจริงให้ปรากฏในคำฟ้องว่าเด็กในร้านมิได้บอกกับจำเลยเช่นนั้น อันจะทำให้เห็นว่าข้อที่จำเลยแจ้งนั้นเป็นเท็จ เมื่อฟังไม่ได้ว่าข้อความที่จำเลยแจ้งเป็นเท็จแล้ว การแจ้งความของจำเลยก็ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยเอาความเท็จและข้อความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแจ้งต่อร้อยตำรวจตรีอิทธิพรโพธิสุข พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลยานนาวาว่า วันเดียวกันนั้น เวลา ๑๗ นาฬิกา ขณะที่จำเลยไม่ได้อยู่ในร้านค้าของจำเลย ชื่อร้านนิวจิวเวลลี่ในโรงแรมแมนฮัตตัน ได้มีชายคนหนึ่งอ้างชื่อว่านายธนะ ทินกร ณ อยุธยา มาที่ร้านค้าของจำเลย ถือกระเป๋า๑ ใบ มีท่าทางพิรุธถามหาจำเลย แต่เด็กในร้านจำเลยบอกว่าจำเลยไม่อยู่ ชายดังกล่าวจึงบอกกับเด็กของจำเลยว่าชื่อนายธนะ ทินกร ณ อยุธยา จำเลยเกรงว่านายธนะจะมาดักทำร้ายจำเลยเนื่องจากจำเลยกับบิดาของนายธนะกำลังมีกรณีพิพาทกันอยู่ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้กระทำตามที่จำเลยแจ้งความ การแจ้งความของจำเลยทำให้เจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงรับแจ้งลงรายงานประจำวัน ซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหายถูกจับกุมดำเนินคดี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๑๗๒, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยคงมีเพียงว่าการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องจะมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ หรือไม่เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์นั้น ได้ความว่า การที่จำเลยไปแจ้งว่าชายคนที่ไปที่ร้านของจำเลยคือโจทก์นั้น ก็เป็นการแจ้งไปตามคำบอกเล่าของเด็กที่อยู่ในร้านโจทก์มิได้ยืนยันข้อเท็จจริงให้ปรากฏในคำฟ้องว่าเด็กในร้านมิได้บอกกับจำเลยเช่นนั้นอันจะทำให้เห็นว่าข้อที่จำเลยแจ้งนั้นเป็นเท็จ เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องฟังไม่ได้ว่าข้อความที่จำเลยแจ้งเป็นเท็จแล้ว การแจ้งความของจำเลยตามฟ้องก็ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาปัญหาอื่น ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.