คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนร้าย ตี ถีบ เตะ เจ้าทรัพย์และยิงปืนขณะทำการปล้นทรัพย์ แล้วคุมตัวเจ้าทรัพย์ให้ไปส่งเมื่อถึงไร่ห่างบ้านเจ้าทรัพย์ประมาณ 40 เส้น คนร้ายยิงเจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตายเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าทรัพย์ มิได้ถูกจำเลยซึ่งเป็นคนร้ายกับพวกยิงตายในขณะปล้นแต่เพิ่งจะไป ถูกยิงตายต่างตำบลต่างอำเภอกับที่เกิดเหตุ ห่างไกลถึง 40 เส้น เช่นนี้ การที่เจ้าทรัพย์ถูกยิงตายนั้นมิใช่เป็นการต่อเนื่องกับการปล้น หรือเป็นผลซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการปล้นทรัพย์การปล้นทรัพย์ ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ ไม่ใช่วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนตี ใช้เท้าเตะถีบทำร้ายเจ้าทรัพย์สามคน แล้วยิงนายวันเจ้าทรัพย์ตาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 5 มีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงตายเพื่อปกปิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย พิพากษาให้จำคุก

จำเลยที่ 1 ที่ 5 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดของจำเลยที่ 1, 5 ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 พิพากษาแก้

โจทก์ฎีกาว่า ความผิดของจำเลยต้องด้วยมาตรา 340 วรรคท้ายไม่ใช่วรรค 4

โจทก์นำสืบว่า คนร้ายมาปล้นบ้านนายวันนางหนูลา คนร้ายคนหนึ่งถีบนางหนูลาล้มลงที่ชานศรีษะแตก และมีคนร้ายวิ่งไปที่เรือนนางทองดีแล้วยิงปืนขึ้น 1 นัด คนร้ายตีและเตะนางทองดี แล้วค้นของได้เงินเสื้อ คนร้ายขึ้นเรือนนายวัน ตีนายวันและค้นของมากองไว้ที่ชานแล้วช่วยกันมัดของ คนร้ายทำการอยู่ชั่วหุงข้าวเหนียวสุก 1 หวด จึงคุมตัวนายวันบังคับให้ไปส่ง ระหว่างทางคนร้ายยิงปืนเป็นระยะ ๆ เมื่อถึงไร่ห่างบ้านนายวันประมาณ 40 เส้น คนร้ายยิงนายวัน 3 นัด ถึงแก่ความตาย

ศาลฎีกาเห็นว่า หลักฐานพยานโจทก์ มีน้ำหนักน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 และที่ 5 เป็นคนร้ายจริงตามฟ้อง

ปัญหาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสุดท้ายตามฎีกาโจทก์หรือไม่นั้นมาตรา 340 วรรคสุดท้ายบัญญัติว่า “ถ้าการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต” ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่า นายวันมิได้ถูกจำเลยกับพวกยิงตายในขณะปล้น แต่เพิ่งจะไปถูกยิงตายต่างตำบลต่างอำเภอกับที่เกิดเหตุปล้น ห่างไกลถึง 40 เส้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่นายวันถูกยิงตายมิใช่เป็นการยิงต่อเนื่องกับการปล้น หรือเป็นผลซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการปล้นทรัพย์แต่ประการใด การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว ฉะนั้น การกระทำของจำเลยกับพวกจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 นั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share