คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีแล้ว ต่อมาจำเลยถูกฟ้องล้มละลายและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด แม้โจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ก็ตามก็ไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนหมายบังคับคดีนั้นได้ โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีแพ่งแต่มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายสำหรับหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกร้องหนี้ ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งจากจำเลยอีกต่อไปตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่มีสิทธิ ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการ อายัดเงินของจำเลยไปยังบุคคลภายนอก

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน 2,282,496 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 2,265,982 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนภายในวันที่30 ธันวาคม 2529 จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอบังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2530 จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2533 ว่า จำเลยถูกฟ้องล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด เมื่อวันที่ 4เมษายน 2532 ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.164/2532 ของศาลชั้นต้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วโจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม 2533 โจทก์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการอายัดเงินจำนวน 500,000 บาทของจำเลยไปยังบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ไทยเคหะ จำกัด คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไต่สวนคำร้องของจำเลยและมีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี กับให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดจ่ายเงินที่อายัดให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดี ให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2530 ต่อมาจำเลยถูกฟ้องล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2532 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วโจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม 2533โจทก์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้อายัดเงินจำนวน 500,000บาท ของจำเลยไปยังบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ไทยเคหะ จำกัด
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นข้อแรกว่ามีเหตุที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดีหรือไม่ ในปัญหานี้เห็นว่าตามคำร้อง ของ จำเลยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2530 โดยไม่ชอบแต่อย่างใด แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าหลังจากนั้นจำเลยถูกฟ้องล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด โดยโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ก็ตามก็ไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนหมายบังคับคดีนั้นได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิอายัดเงินหรือรับเงินที่โจทก์ได้อายัดไว้ในทำนองว่าเมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว โจทก์ก็ไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยได้อีกต่อไปนั้น ในปัญหานี้เห็นว่าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 บัญญัติว่า “เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ได้ก็แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัตินี้แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หรือเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาก็ตาม” และมาตรา 91 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายจะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือไม่ก็ตามต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้ได้อีกไม่เกินสองเดือน” ดังนั้นเมื่อโจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยและมิได้อยู่นอกราชอาณาจักร แต่มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ในคดีนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะเรียกร้องหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จากจำเลยอีกต่อไปตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง ดังกล่าว โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการอายัดเงินของจำเลยไปยังบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ไทยเคหะ จำกัด ซึ่งหากศาลชั้นต้นได้อายัดเงินของจำเลยตามคำร้องของโจทก์จริงการอายัดเงินดังกล่าวก็ย่อมเป็นการไม่ชอบ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินที่อายัดไว้เช่นนั้นตามที่จำเลยฎีกา แต่โดยที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของ จำเลยโดยยังมิได้ทำการไต่สวนคำร้อง ข้อเท็จจริงจึงยังไม่ได้ความว่าศาลชั้นต้นได้อายัดเงินของจำเลยตามคำร้องตามคำร้องของ โจทก์จริงหรือไม่ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนคำร้องของ จำเลยให้ได้ความเช่นนั้นก่อน แล้วจึงวินิจฉัยมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของ จำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share