แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ไม่จำเป็นว่าผู้ครอบครองจะต้องไม่รู้ว่าทรัพย์สินที่ตนครอบครองเป็นของผู้อื่น
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2512 ผู้ร้องได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 12 ตารางวา นับตั้งแต่ผู้ร้องซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยได้ขุดดินล้อมรอบที่ดินทั้งแปลงและเข้าทำประโยชน์โดยปลูกมะพร้าว มะม่วง ต้นกล้วยและไม้ล้มลุกอื่น ๆ และได้ยินยอมให้นายอยู่ โพธิสุภาพ ปลูกบ้านอยู่อาศัยและให้ดูแลที่ดินแทนผู้ร้อง ผู้ร้องได้เข้าครอบครองในที่ดินดังกล่าวโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ปัจจุบันที่ดินเนื้อที่เปลี่ยนแปลงไปคงเหลือประมาณ 3 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2536ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอออกโฉนดในที่ดินดังกล่าว แต่เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าที่ดินของผู้ร้องเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 970 ตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ (ศีรษะจรเข้) อำเภอบางพลี (บางพลีใหญ่) จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นของนางระพี ศรีสนั่น นายกฤษดาศรีสนั่น นางสาวนุสราหรือประภัสรา ศรีสนั่น และพลโทโสภณ ศรีสนั่น ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ขอให้มีคำสั่งแสดงว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์บางส่วนด้านทิศตะวันตกของที่ดินโฉนดเลขที่ 970 ตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ (ศีรษะจรเข้) อำเภอบางพลี (บางพลีใหญ่) จังหวัดสมุทราปราการ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา
ผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องทราบดีว่านางกิมเลี้ยงครอบครองที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านทั้งสี่ ผู้ร้องไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินบางส่วนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 970 ตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ภายในบริเวณเส้นสีเขียวตามแผนที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนางสาวน้อย แซ่ลี้ ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 ปี ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสี่ฎีกาว่า ในการครอบครองปรปักษ์ การใช้สิทธิครอบครองจะต้องใช้สิทธิโดยสุจริตคือครอบครองโดยไม่รู้ว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น แต่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต จึงมิใช่การยึดถือเพื่อตนนั้น เห็นว่า การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นวิธีการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นวิธีหนึ่ง ในกรณีที่ทรัพย์สินเป็นที่ดิน ผู้ครอบครองจะรู้ว่าที่ดินที่ตนครอบครองเป็นของผู้อื่นหรือไม่ ไม่สำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าผู้นั้นได้ครอบครองที่ดินครบตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 1382 คือได้ครอบครองที่ดินกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทครบตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 1832 ดังได้วินิจฉัยมาแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน