แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหายแล้วเปิดประตูระเบียง หน้าบ้านผู้เสียหายวิ่งไปนั่งซ้อน ท้าย รถจักรยานยนต์ซึ่งจอดรออยู่หลบหนีไป การกระทำของจำเลยเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้ววิ่งหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ของกลางมิได้มีไว้เพื่อใช้หรือได้ใช้การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงมิใช่ทรัพย์อันพึงริบตาม ป.อ. มาตรา 33(1).
ย่อยาว
คดีนี้ดจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,336 ทวิ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13 คืนจี้เพชรหัวทับทิม 1 อันแก่เจ้าของให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 7,000 บาทแก่เจ้าของและริบรถจักรยานยนต์ทั้งสองคัน
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13จำคุกจำเลยทั้งสองคนละหกปี คืนจี้เพชรหัวทับทิม 1 อัน แก่ผู้เสียหายให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 7,000บาท แก่ผู้เสียหาย่ รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยกับพวกใช้เป็นพหาหนะเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ทวิ จึงให้ริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางทั้งสองคันนอกจากที่แก้ไให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่เก็บรักษาอยู่ในบ้านไปได้แล้วจึงออกจากบ้านผู้เสียหายวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วจึงหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ของกลางมิได้มีไว้เพื่อใช้หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จึงมิใช่ทรัพย์สินอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.