คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภริยาผู้เป็นเจ้าของร่วมในที่ดิน ทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่เขา โดยส่งมอบที่ดินและโฉนดให้ผู้ซื้อครอบครองแล้ว และผู้ขายก็ได้รับชำระราคาครบถ้วนแล้วต่อมาสามีตายลงเสียก่อนโอนโฉนดให้ผู้ซื้อ ดังนี้แม้ผู้ซื้อจะฟ้องคดีขอบังคับให้โอนตามสัญญาภายหลังสามีตายเกิน 1 ปี ซึ่งขาดอายุความมรดกแล้วก็ตามก็ถือได้ว่าผู้ซื้อได้ครอบครองที่ดินที่จะซื้อขายกันมีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินไว้จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิได้เหตุที่ผู้ขายคนหนึ่งตายเกิน 1 ปีแล้ว ย่อมไม่ห้ามผู้ซื้อผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189,241(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/97)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางตุ่นจำเลยกับนายสงสามี ทำสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์ ได้รับเงินราคาที่ดินไปจากโจทก์แล้ว ตกลงจะไปโอนโฉนดภายใน 3 เดือน ต่อมานายสงตาย จึงขอให้จำเลยโอนโฉนดที่พิพาทแก่โจทก์

นายตุ่นต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ

นางอุ่น นางสาวอิน ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม โดยว่าเป็นบุตรนายสง นางตุ่นเป็นทายาทรับมรดกของนายสง และต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความมรดก

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ดินส่วนของนายสงคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วแต่ที่ดินส่วนของนางตุ่นจำเลยยังคงบังคับได้ตามสัญญาตาม มาตรา 1361 วรรค 1 จึงพิพากษาแก้ให้นางตุ่นจำเลยโอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์

โจทก์ จำเลยและผู้ร้องสอดฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าโจทก์ผู้ได้ครอบครองที่ดินที่จะซื้อขายกันมีสิทธิที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินไว้ จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้เหตุที่นายสงตายมาแล้วเกิน 1 ปี ย่อมไม่ห้ามโจทก์ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189, 241

ส่วนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนางตุ่น จำเลยนั้น โจทก์ขอให้บังคับตามสัญญาได้การตายของนายสงไม่ทำให้นางอุ่นนางสาวอิน ทายาทนายสงเป็นเจ้าของร่วมในส่วนของนางตุ่นจำเลยด้วย

จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้นางตุ่นจำเลยกับผู้ร้องสอดโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทตามฟ้องให้โจทก์

Share