แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเปนผู้ร้ายลักโคของนายเลื่อนไป ๑ ตัวราคา ๖๐ บาท ที่ตำบลปริก จังหวัดสงขลา เจ้าทรัพย์ตามจับโคของกลางได้จากจำเลย จึงขอให้ลงโทษ ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาอ้างฐานที่อยู่ ฯ
ศาลมณฑลนครศรีธรรมราชพิจารณาแล้ว ฟังคดีสมข้อหาว่าจำเลยได้ลักโครายนี้ไปจริง มีผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๔ ตอน ๒ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี เพราะเหตุว่าการลักสัตว์พาหนะสำคัญของราษฎรในมณฑลนี้มีชุกชุมมากต้องลงโทษให้หนัก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ถ้อยคำพยานโจทย์เบิกความเปนข้อสงสัย จึงพิพากษากลับคำตัดสินศาลมณฑลให้ยกฟ้องโจทย์ ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมตรวจสำนวนปฤกษาคดีนี้ได้ความว่า ในวันที่โจทย์หานายเลื่อนเจ้าทรัพย์เอาโคไปล่ามเลี้ยงไว้ที่ทุ่งนาทิศเหนือ ครั้นเวลา ๔ นาฬิกาหลังเที่ยง นางหนูอิ้นพยานกลับจากหว่านกล้า ไปเก็บลูกนมโคที่นาร้าง เห็นนายคลิ้งจำเลยกับนายนิ่มกำลังไล่โคของนายเลื่อนไป พยานเข้าใจว่าจำเลยคงลักโคของนายเลื่อนไป พยานจึงได้กลับมาบอกนายเลื่อนว่าคนลักพาเอาโคไปแล้ว นายเลื่อนเจ้าทรัพย์กับนายเนียม นายคล้ายพยานพากันติดตามไปพ้นจากที่ ๆ โคหายสัก ๑๕๐ เส้น เห็นจำเลย ๒ คนกำลังจูงและไล่โคห่างจากพยานสัก ๘ วา พยานจึงร้องโวยวายขึ้น จำเลยก็ทิ้งโควิ่งหนีไป ได้แต่โคคืนมา แล้วพยานได้นำเหตุมาแจ้งต่อนายหนูแล้วผู้ใหญ่บ้าน ได้ความดังนี้ ศาลนี้เห็นว่าพยานหลักฐานโจทย์เบิกความประกอบกันมั่นคง ทั้งได้พิเคราะห์ดูเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษหยิบยกขึ้นกล่าวนั้น ยังไม่เปนเหตุพอที่จะลบล้างไม่ฟังคำพยานโจทย์เหล่านี้ได้ โดยเหตุนี้ฎีกาโจทย์ฟังขึ้น จึงพิพากษายกคำตัดสินศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเสีย ให้ลงโทษนายคลิ้งจำเลยตามคำพิพากษาศาลมณฑล ฯ