คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า หากมีผู้ร้องเรียน เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของพนักงานจำเลย ให้จำเลยสืบสวน เบื้องต้นว่ากรณีมีมูลความจริงหรือไม่ถ้ามีมูลให้ตั้ง คณะกรรมการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา และถ้าผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธก็ ต้องติดต่อให้ผู้กล่าวหามาให้การสอบสวนเพิ่มเติมหากมิได้ ดำเนินการดั่งกล่าวให้ยกประโยชน์ให้ผู้ถูกกล่าวหา โจทก์ถูก กล่าวหาว่ากระทำการทุจริตในการจำหน่ายตั๋วโดยสาร จำเลยจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนโจทก์คณะกรรมการได้ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยติดต่อผู้กล่าวหาแล้ว โจทก์ ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการค้าดังกล่าวต้องเป็นกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนมิได้ดำเนินการให้ผู้กล่าวหามาให้การเลยส่วนการที่ผู้กล่าวหาไม่ยินยอมมา ให้การนั้น คณะกรรมการก็ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน อื่นเท่าที่ปรากฏอยู่ต่อไปว่าโจทก์ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหานั้นหรือไม่ โจทก์จึงไม่ได้รับประโยชน์ตาม ข้อตกลงดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตำแหน่งพนักงานเก็บค่าโดยสารข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดไว้ว่า ในการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนกรณีผู้โดยสารหรือบุคคลภายนอกกล่าวหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของพนักงานเก็บค่าโดยสารในทางเสื่อมเสียหรือการให้บริการ และพนักงานปฏิเสธข้อกล่าวหาแล้วคณะกรรมการต้องติดต่อผู้กล่าวหามาให้การต่อคณะกรรมการสอบสวน หากมิได้ปฏิบัติดังกล่าวให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นผิดตามข้อกล่าวหา จำเลยได้มีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานโดยกล่าวหาว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลยซึ่งไม่เป็นความจริง และในการสอบสวนผู้กล่าวหาโจทก์มิได้ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวน แต่จำเลยกลับสรุปว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่จริงตามข้อกล่าวหาเป็นการกระทำมิชอบด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าว เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าคณะกรรมการได้สอบสวนโจทก์และปฏิบัติตามขั้นตอนตามข้อตกลงตามฟ้องแล้วมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงาน จึงมิใช่เลิกจ้างไม่เป็นธรรม
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่าหากมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของพนักงานจำเลย ให้จำเลยสืบสวนเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลความจริงหรือไม่ ถ้ามีมูลก็ให้ตั้งคณะกรรมการทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาและถ้าผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธก็ต้องติดต่อให้ผู้กล่าวหามาให้การสอบสวนเพิ่มเติม หากมิได้ดำเนินการดังกล่าวให้ยกประโยชน์ให้ผู้ถูกกล่าวหา ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อจำเลยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนโจทก์แล้ว คณะกรรมการก็ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวโดยติดต่อกับผู้กล่าวหาให้ผู้กล่าวหามาให้การ โจทก์ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวจึงต้องเป็นกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนมิได้ดำเนินการติดต่อให้ผู้กล่าวหามาให้การเลยส่วนการที่ผู้กล่าวหาไม่ยินยอมมาให้การนั้น คณะกรรมการสอบสวนก็ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานอื่นเท่าที่ปรากฏอยู่ต่อไปว่าโจทก์ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหานั้นหรือไม่ โจทก์จึงไม่ได้รับประโยชน์ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าว
พิพากษายืน

Share