แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำการโฆษณาอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายโดยตรงเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย และมีอำนาจฟ้องส่วนที่โจทก์เขียนบทความไปโฆษณาหนังสือพิมพ์ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นประมาทจำเลยหรือไม่ ก็เป็นการกระทำซึ่งแยกได้เป็นคนละตอนกับการกระทำของจำเลย ไม่มีผลให้โจทก์มิใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ โดยโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกประชาชนดูหมิ่น และเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 (มาตรา 326 ปรับบทเกินมา)ให้ลงโทษปรับ 600 บาท
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ 9 วรรค 4 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย เพราะเป็นผู้กระทำต่อจำเลยก่อน จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วว่าจำเลยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ โจทก์เคยเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์ของจำเลยอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ โจทก์ค้างชำระค่าหนังสือพิมพ์ของจำเลย จำเลยทวงถามหลายครั้งก็ไม่ชำระ จึงแต่งตั้งให้คนอื่นเป็นผู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์แทน โจทก์เขียนบทความไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ภาษาจีนฉบับหนึ่ง จำเลยจึงได้ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของจำเลยมีข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่า ที่จำเลยทำการโฆษณาอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรงเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลย และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2) ส่วนที่โจทก์ได้เขียนบทความไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ก่อน ไม่ว่าการกระทำของโจทก์นั้นจะเป็นการหมิ่นประมาทจำเลยหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นการกระทำซึ่งแยกได้เป็นคนละตอนกับการกระทำของจำเลย ไม่มีผลให้โจทก์มิใช่เป็นผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ดังข้อฎีกาของจำเลย
พิพากษายืน