คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผิดสัญญาเช่าซื้อ การกำหนดค่าใช้ทรัพย์รายเดือนจนกว่าจะส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อ หรือชำระราคาโดยมิได้จำกัดระยะเวลาไว้ อาจทำให้ผู้เช่าซื้อได้รับค่าใช้ทรัพย์เกินกว่าอายุการใช้และค่าของทรัพย์ที่เช่าซื้อได้ จึงต้องกำหนดระยะเวลาไว้ไม่ให้เกินกว่าอายุการใช้และค่าของทรัพย์นั้น

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบเครื่องฉายภาพยนต์และอุปกรณ์ครบชุด 2 เครื่องคืนแก่โจทก์ หากส่งคืนไม่ได้ให้ชำระเงิน 200,000 บาทและให้ใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาท และค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่จะส่งคืนหรือใช้ราคา ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนหากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระ ให้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้โจทก์จนครบยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 1เช่าซื้อเครื่องฉายภาพยนต์ ยี่ห้อ อาร์ ซี เอ โฟโตโฟน 70/35 มิลลิเมตร ระบบใช้ไฟฟ้า 110 โวลท์ 50 ไซเกิล ครบชุด 2 เครื่อง ราคา 711,000 บาท จากโจทก์จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้โจทก์แล้ว 159,000 บาท ต่อมาวันที่ 5 ตุลาคม 2514 โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อผ่อนชำระเงินที่เหลืออีก 552,000บาท โดยจำเลยที่ 1 จะผ่อนชำระเดือนละ 22,000 บาท เป็นเวลา 24 เดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2514 ต่อไปจะชำระทุกวันที่ 5 ของเดือนจนกว่าจะครบ จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองที่ดินโฉนดที่ 9603 ตำบลหนองจะบกอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแก่โจทก์เป็นประกันหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรายนี้เป็นเงิน 541,4802 บาท โจทก์ติดตั้งเครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อให้จำเลยที่ 1 ณ โรงภาพยนตร์ของจำเลยที่ 1 ที่จังหวัดนครราชสีมาแล้ว จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ 18 เดือน เป็นเงิน414,000 บาท แล้วไม่ชำระให้โจทก์อีก โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบเครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ และมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยที่ 2 แล้ว คดีมีปัญหาว่า จำเลยหรือโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อและค่าเสียหายของโจทก์เท่าใด” ฯลฯ

“พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งกว่าของจำเลยทั้งสองว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลกำหนดราคาเครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อ200,000 บาท ค่าเสียหาย (ที่ถูกค่าใช้ทรัพย์) 5,000 บาท และค่าดอกเบี้ย(ที่ถูกค่าใช้ทรัพย์) เดือนละ 2,000 บาท มากเกินไป ทั้งราคาและค่าเสียหายไม่เกิน 100,000 บาทนั้น เห็นว่าเครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อราคา 711,000บาท จำเลยที่ 1 ได้ใช้เครื่องฉายภาพยนตร์นี้ก่อนเลิกสัญญาเป็นเวลา 3 ปีเศษศาลล่างทั้งสองกำหนดราคาเรื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อ 2 เครื่อง เหลือเพียง200,000 บาท ไม่มากเกินไป ส่วนค่าใช้ทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 ใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อตั้งแต่วันเลิกสัญญาถึงวันฟ้องเป็นเวลาประมาณ 4 ปี เป็นจำนวน 50,000บาท ก็ไม่มากเกินไปสำหรับค่าใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อรายเดือน ได้ความจากนายอุดม กาญจนวัฒน์ศิริ พยานจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างฉายภาพยนตร์ของจำเลยที่ 1 ว่า โรงภาพยนตร์ของจำเลยที่ 1 ฉายภาพยนตร์วันละ 4 รอบวันเสาร์ วันอาทิตย์ เพิ่มเข้าอีก 1 รอบ ที่ศาลกำหนดค่าใช้ทรัพย์ดังกล่าว 2 เครื่องเดือนละ 2,000 บาท ไม่มากเกินไป แต่ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยทั้งสองรับผิดค่าใช้ทรัพย์รายเดือนจนกว่าจำเลยที่ 1 จะส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์หรือชำระราคาโดยมิได้จำกัดระยะเวลาไว้นั้นอาจทำให้โจทก์ได้รับ ค่าใช้ทรัพย์เกินกว่าอายุการใช้และค่าของทรัพย์ที่เช่าซื้อได้ ศาลฎีกาเห็นว่าควรกำหนดระยะเวลาให้จำเลยทั้งสองรับผิดค่าใช้ทรัพย์ไว้ 6 ปีนับแต่วันฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ที่เช่าซื้อเดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจะส่งมอบทรัพย์นั้นแก่โจทก์หรือจนกว่าจะชำระเงิน 200,000 บาทแก่โจทก์ แต่ไม่เกิน 6 ปี นับแต่วันฟ้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันเสียค่าทนายความชั้นฎีกา 6,000 บาทแทนโจทก์”

Share