แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีบ้านของจำเลยที่ 2ปลูกอยู่ในที่ดินที่ตกลงแบ่งให้จำเลยที่ 3 และมีข้อตกลงให้จำเลยที่ 2รื้อไปได้ การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอ้างว่ามีบ้านของตนอยู่ในที่ดินนั้นและจะรื้อไป แต่จำเลยที่ 3 ขัดขวาง จึงขอให้ศาลห้ามนั้น เป็นการร้องขอนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความ หากจำเลยที่ 2จะมีสิทธิในบ้านดังกล่าวประการใด และจำเลยที่ 3 กระทำการขัดขวางอันเป็นการโต้แย้งสิทธิ จำเลยที่ 2 ก็ชอบที่จะต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่จะร้องขอให้ศาลบังคับในคดีเดิมหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้ เป็นกรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดี เดิมโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยทั้งสามและได้ตกลงประนีประนอมกัน โดยจำเลยทั้งสามตกลงให้เงินโจทก์คนละจำนวน โจทก์ไม่ขอเกี่ยวข้องกับมรดก และจำเลยทั้งสามตกลงแบ่งมรดกกันเป็นส่วนสัด เฉพาะที่ดินโฉนดที่ ๗๐๕๓ครึ่งหนึ่งทางด้านตะวันออก กับบ้านเลขที่ ๘๖ ที่ปลูกอยู่บนที่ดินส่วนนั้นได้ตกลงกันให้เป็นของจำเลยที่ ๓ หลังจากศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้วจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่า มีบ้านของจำเลยที่ ๒ ปลูกติดกับบ้านเลขที่ ๘๖ อีก ๒ หลัง จำเลยที่ ๒ จะรื้อไป แต่จำเลยที่ ๓ ขัดขวาง ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๓ คัดค้านว่า เป็นบ้านหลังเดียวกัน และตกเป็นของจำเลยที่ ๓ แต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สภาพบ้านพิพาทเป็นหลังเดียวมีสามหลังคาซึ่งตามสัญญาระบุชัดว่า จำเลยที่ ๓ ได้ที่ดินโฉนดที่ ๗๐๕๓ ด้านตะวันออกครึ่งหนึ่งกับบ้าน แสดงว่าตอนทำสัญญายอมมีบ้านหลังเดียวหากมีหลายหลัง จำเลยที่ ๒ ก็น่าจะทักท้วง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ไม่ปรากฏเลยว่ามีบ้านของจำเลยที่ ๒ ปลูกอยู่ในที่ดินส่วนของจำเลยที่ ๓ และมีข้อตกลงให้จำเลยที่ ๒ รื้อไปได้การที่จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องอ้างว่ามีบ้านของจำเลยที่ ๒ อยู่ในที่ดินมรดกซึ่งตกลงกันให้เป็นของจำเลยที่ ๓ จึงเป็นการร้องขอนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความ หากจำเลยที่ ๒ จะมีสิทธิในบ้านดังกล่าวประการใด และจำเลยที่ ๓ กระทำการขัดขวางอันเป็นการโต้แย้งสิทธิ ก็ชอบที่จำเลยที่ ๒ จะต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่จะมาร้องขอให้ศาลบังคับในคดีนี้หาได้ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองรับพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ ๒ แล้ววินิจฉัยให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ชอบที่จะยกคำร้องเสียโดยไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืนในผลที่ให้ยกคำร้อง แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่ ๒จะฟ้องใหม่