คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยโดยอาศัยจดหมายที่จำเลยเขียนไปถึงโจทก์ และเช็คที่โจทก์สั่งจ่ายเงินที่ขอกู้นั้นให้จำเลยเป็นหลักฐานจดหมายนั้นมีข้อความเพียงว่า’เฮียสุพจน์ (โจทก์) กรุณามอบเช็คหรือเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นบาทถ้วนตามที่พูดกันไว้กับสังวรณ์ไปด้วย ให้เซ็นรับไป’ แล้วจำเลยลงชื่อลงวันที่ที่เขียนจดหมาย ดังนี้ จดหมายดังกล่าวไม่มีข้อความตอนใดเลยพอที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ และจะใช้เงินคืนให้โจทก์ จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม ส่วนเช็คนั้นก็เป็นหลักฐานแต่เพียงว่าโจทก์ได้จ่ายเช็คของโจทก์ให้จำเลยจริง และจำเลยรับเงินตามเช็คนั้นแล้ว จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเช่นกันเมื่อการกู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์จึงฟ้องบังคับคดีไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ 10,000 บาท ยอมให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาท ต่อเดือน โจทก์จ่ายเงินกู้ให้จำเลยไปโดยเช็ค จำเลยได้รับเงินตามเช็คเรียบร้อยแล้ว ครั้นครบกำหนดจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามที่ตกลงไว้ ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่าไม่เคยกู้เงินและรับเงินตามฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะการกู้ยืมไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยโดยอาศัยจดหมายที่จำเลยเขียนไปถึงโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.3 และเช็คตามเอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์สั่งจ่ายเงินให้จำเลย แต่ตามเอกสารหมาย จ.3 มีข้อความเพียงว่า เฮียสุพจน์ กรุณามอบเช็คหรือเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นบาทถ้วนตามที่พูดกันไว้กับสังวรณ์ไปด้วย ให้เซ็นรับไป แล้วจำเลยลงชื่อลงวันที่ที่เขียนจดหมาย เอกสารหมาย จ.3 ดังกล่าวไม่มีข้อความตอนใดเลยพอที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์และจะใช้เงินคืนให้โจทก์ อันจะทำให้เอกสารหมาย จ.3 เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้ ส่วนเช็คเอกสารหมาย จ.1 เป็นหลักฐานแต่เพียงว่า โจทก์ได้จ่ายเช็คของโจทก์ให้จำเลยจริง และจำเลยรับเงินตามเช็คนั้นแล้ว เช็คดังกล่าวไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม เมื่อการกู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์จึงฟ้องบังคับคดีไม่ได้

พิพากษายืน

Share