แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นชู้กับจำเลยที่ 2 พร้อมเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสิ้นสุดแห่งการสมรส ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่า โจทก์เอาความเท็จมาฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่สุจริต การที่โจทก์ไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หากคณะกรรมการหลงเชื่อจะทำให้จำเลยที่ 2 ถูกออกจากงานและเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งไม่ได้อาศัยเหตุแห่งการหย่าและเรียกค่าทดแทนตามฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจาก โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง จำเลยที่ 1 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ มีบุตรด้วยกัน 1 คน อายุ 16 ปี จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 2 อันถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกัน ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว โดยให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 4,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 22 ปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 2 จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิด เป็นเงิน 500,000 บาท แก่จำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยที่ 2 แต่ไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกา ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นชู้กับจำเลยที่ 2 พร้อมเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสิ้นสุดแห่งการสมรส ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์เอาความเท็จมาฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่สุจริต และการที่โจทก์ไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และหากคณะกรรมการหลงเชื่อจะทำให้จำเลยที่ 2 ถูกออกจากงานและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งไม่ได้อาศัยเหตุแห่งการหย่าและการเรียกค่าทดแทนตามฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ แต่เป็นการกล่าวอ้างการกระทำอีกตอนหนึ่งของโจทก์อันเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งโดยไม่ได้สั่งคืนค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้งให้แก่จำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบ เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นให้แก่จำเลยค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งในชั้นฎีกาให้เป็นพับ