แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รถยนต์ของจำเลยชนกับรถยนต์ของผู้อื่นเสียหายเขาได้มีหนังสือมาขอให้ใช้ค่าเสียหายแก่เขาจำเลยไปติดต่อแล้ว แต่ว่าจะปรึกษากันดูก่อนครั้นแล้วกลับเอาที่ดินของจำเลยไปขายให้แก่พี่ชาย เพื่อป้องกันมิให้ถูกยึดทรัพย์ ถ้าแพ้คดีแก่เขา ซึ่งพี่ชายผู้รับซื้อก็ทราบดี ดังนี้ เมื่อเขาชนะคดีในเรื่องเรียกค่าเสียหายเพราะรถยนต์จำเลยชนรถยนต์ของเขาแล้วเขามีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับพี่ชายเสียได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 ได้บังคับยึดทรัพย์จำเลยที่ 1 จึงปรากฏว่าที่ดินโฉนดที่ 4133 ของจำเลยที่ 1 ได้โอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยสมยอมกัน จึงขอให้ศาลแสดงและถอนชื่อจำเลยที่ 2 ออกจากเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
จำเลยต่อสู้ว่า การซื้อขายเป็นไปโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้สัญญาซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยเป็นโมฆะใช้ไม่ได้ ให้ถอนชื่อจำเลยที่ 2 ออกให้จำเลยที่ 1 ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่า รถยนต์ของจำเลยชนกับรถยนต์ของกองทัพอากาศ ทางกองทัพอากาศว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ผิดจึงมีหนังสือถึงจำเลยที่ 1ให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยมาพบกับเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศและให้ถ้อยคำว่า จะปรึกษากันดูก่อนแล้วจำเลยที่ 1 ก็ไปจัดการขายที่ดินของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2เสีย ไม่ไปตกลงกับโจทก์ โจทก์จึงฟ้องและชนะคดี จึงยึดที่ดินแปลงที่ขายดังกล่าว
จึงเห็นได้ชัดว่า จำเลยที่ 1 เจตนาจะป้องกันมิให้ทรัพย์ของตนถูกยึดตามคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่ 2 ผู้เป็นพี่ชาย ก็รู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ 1 ด้วย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว คงพิพากษายืน