คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองมีสิทธิดำเนินการเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของตนได้โดยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดกรณีหนึ่ง หรือยื่นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ อีกกรณีหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการในกรณีหลังก็ต้องยื่นคำร้องเสียภายในกำหนด 15 วัน เช่นเดียวกันเพราะเป็นการใช้สิทธิเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเหมือนกัน แต่จำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ เมื่อพ้นกำหนด15 วัน แล้วจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นในปัญหาว่าโจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน จึงหมดสิทธิคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๙๓๘,๒๑๙.๑๘ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสองไม่ยากจน สั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากจำเลยทั้งสองประสงค์ที่จะอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน ๑๕ วัน โดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๓๓ จำเลยทั้งสองไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางแต่ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนยากจนโดยยื่นคำร้องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้อง นัดไต่สวน โจทก์แถลงคัดค้านว่า จำเลยทั้งสองมิได้เป็นคนยากจน และล่วงเลยกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว จำเลยทั้งสองจึงได้แถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา และขอวางเงินค่าธรรมเนียม โจทก์แถลงคัดค้านในวันเดียวกันว่ากำหนดระยะเวลา ๑๕ วัน ที่ศาลกำหนดให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลล่วงพ้นไปแล้ว จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาอีกต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลและมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ไม่อนุญาตและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิดำเนินการเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของตนได้คือ นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระเสียภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดกรณีหนึ่ง หรือยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๑๕๖ วรรคสี่ อีกกรณีหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการในกรณีหลังตามกฎหมายมาตราดังกล่าว แม้กฎหมายมาตราดังกล่าวนี้จะไม่ได้กำหนดระยะเวลาให้ยื่นคำร้องไว้ แต่เมื่อการใช้สิทธิดำเนินการในกรณีแรกคือนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ต้องนำมาชำระเสียภายใน ๑๕ วัน ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ดังนี้การใช้สิทธิดำเนินการในกรณีหลังตามกฎหมายมาตราดังกล่าวนั้นก็ต้องดำเนินการคือยื่นคำร้องเสียภายใน ๑๕ วัน เช่นเดียวกัน เพราะเป็นการใช้สิทธิเพื่อให้ศาลรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเหมือนกัน แต่จำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายมาตราดังกล่าวเมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองใช้สิทธิดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคสี่ และไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นภายใน๘ วัน โจทก์จึงหมดสิทธิคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งรับคำร้องของจำเลยทั้งสองที่ขอใช้สิทธิดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖วรรคสี่ นั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นในปัญหาดังกล่าวไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง
พิพากษายืน.

Share