คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ต่อเติมดัดแปลงตึกแถวด้านหลังออกไปกว้าง 2.50 เมตร ยาว 6.50 เมตร อันเป็นการสร้างเชื่อมปิดคลุมทางเดินด้านหลังอาคารต่อจากอาคารด้านหลังไปถึงรั้วหลังอาคารทั้งสองด้าน และมุงหลังคากระเบื้อง โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯมาตรา 22 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการควบคุมการก่อสร้างอาคารข้อ 76 จำเลยให้การเพียงว่าจำเลยได้ทำการต่อเติมดัดแปลงอาคารในส่วนด้านหลังของอาคารจริง แต่มิได้ทำเชื่อมปิดคลุมทางเดินด้านหลังอาคารตามฟ้อง คำให้การของจำเลยเท่ากับยอมรับว่าฝ่าฝืน พ.ร.บ. ควบคุมฯ มาตรา 22 แต่จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ต่อเติมอาคารด้านหลังเป็นแนวไปถึงรั้วหลังอาคารทั้งสองด้านและมุงหลังคากระเบื้องตามฟ้องเท่ากับจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวตามฟ้อง มีผลเป็นการฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องการควบคุมการก่อสร้างอาคารฯ ข้อ 76(4) ซึ่งบัญญัติให้อาคารตึกแถวดังกล่าวต้องมีที่ว่างโดยปราศจากสิ่งปกคลุมเป็นทางเดินหลังอาคารได้ถึงกันกว้างไม่น้อยกว่า 2.00 เมตร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารตึกแถวส่วนที่ต่อเติมดัดแปลงออกจากตึกแถว ถ้าจำเลยไม่รื้อถอน ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนได้เองตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา40, 41, 42 โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การปฏิเสธว่า จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าไม่ต้องขออนุญาตเพราะต่อเติมอาคารของจำเลยเอง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานโจทก์จำเลย จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารตึกแถวส่วนที่ต่อเติมดัดแปลงออกจากอาคารถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนได้เองตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองต่อเติมดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีเพียงว่า จำเลยทั้งสองได้ทำการต่อเติมดัดแปลงอาคารในส่วนด้านหลังของอาคารจริง แต่มิได้ทำเชื่อมปิดคลุมทางเดินด้านหลังอาคารตามฟ้องโจทก์ และให้การต่อไปว่า จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าไม่ต้องขออนุญาตจากใคร เนื่องจากได้ต่อเติมอาคารของตนเองในที่ดินของตนเอง และอาคารใกล้เคียงก็ได้มีการต่อเติมไว้ก่อนแล้วเช่นกัน จำเลยจึงต้องต่อเติมอาคารของตนเองด้วยเพื่อมิให้เกิดความเสียหาย คำให้การของจำเลยทั้งสองจึงมีผลเท่ากับยอมรับตามฟ้องว่าได้กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 มาตรา 22 ซึ่งห้ามผู้ใดดัดแปลงอาคาร เว้นแต่เจ้าของอาคารจะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น และยอมรับว่าได้ทำการต่อเติมอาคารในส่วนด้านหลังจริงตามฟ้องแต่อ้างว่าไม่ได้เชื่อมปิดคลุมทางเดินด้านหลังอาคารเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันจำเลยก็ไม่ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ต่อเติมอาคารด้านหลังเป็นแนวไปถึงรั้วหลังอาคารทั้งสองด้านและมุงหลังคากระเบื้องตามฟ้อง จึงเท่ากับจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวตามฟ้อง อันมีผลเป็นการฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522ข้อ 76(4) ซึ่งบัญญัติให้อาคารตึกแถวดังกล่าวของโจทก์ ต้องมีที่ว่างโดยปราศจากสิ่งปกคลุมเป็นทางเดินหลังอาคารได้ถึงกันกว้างไม่น้อยกว่า 2.00 เมตร …ที่ศาลล่างทั้งสองงดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share