คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2477/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยเห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโดยไม่ได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น เป็นการไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 จำเลยจึงชอบที่จะฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเท่านั้น ส่วนปัญหาที่ว่าคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยังมิได้วินิจฉัย จำเลยไม่อาจฎีกาโต้แย้งคัดค้านได้ แม้จำเลยฎีกาในปัญหานี้มาก็ถือว่าเป็นฎีกาที่เกินเลยมา ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้
ฎีกาจำเลยที่ว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเนื่องจากไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ชอบหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งถือเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามบัญชีท้าย ป.วิ.พ. ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ แต่จำเลยไม่เสียภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2), 247
การตรวจสั่งรับหรือไม่รับฎีกาเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นสั่งแทนศาลฎีกา แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาโดยที่ศาลชั้นต้นยังไม่มีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ศาลฎีกาเห็นสมควรมีคำสั่งรับและวินิจฉัยฎีกาของจำเลยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมชำระหนี้แก่โจทก์ 480,208 บาท แบ่งชำระ 24 เดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 20,008 บาท เริ่มชำระงวดแรกภายในวันที่ 31 มีนาคม 2547 งวดต่อไปชำระภายในทุกวันสิ้นเดือนจนกว่าจะครบ วิธีการชำระให้จำเลยนำเงินมาวางต่อศาล หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดยอมให้โจทก์บังคับคดีในหนี้ที่เหลือทันที ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม
จำเลยอุทธรณ์ว่า คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้เป็นไปตามข้อตกลงและขัดต่อกฎหมาย ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้เป็นไปตามข้อตกลง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ถูกต้องภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนมายังศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยเห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ในชั้นนี้จำเลยจึงชอบที่จะฎีกาโต้ยังคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเท่านั้น ส่วนปัญหาที่ว่าคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยังมิได้วินิจฉัย จำเลยไม่อาจฎีกาโต้แย้งคัดค้านได้ แม้จำเลยจะฎีกาในปัญหานี้มาด้วย ก็ถือว่าเป็นฎีกาที่เกินเลยมาและไม่มีผลแต่อย่างใดเพราะศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวได้ เมื่อฎีกาของจำเลยมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยเพียงว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยชอบหรือไม่ ซึ่งถือเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) ที่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลเป็นเงิน 200 บาท จึงถูกต้องแล้ว ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีมีทุนทรัพย์แต่จำเลยไม่เสียภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ที่ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกาและส่งสำนวนมาให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่งจึงไม่ถูกต้อง เนื่องจากการตรวจสั่งรับหรือไม่รับฎีกาเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นแทนศาลฎีกาแต่ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรมีคำสั่งรับและวินิจฉัยฎีกาของจำเลยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ สำหรับปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยย่อมเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่อาจพิจารณาเนื้อหาในคำร้องดังกล่าวได้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย เพราะเหตุไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share