แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยจ่ายเงินส่วนแบ่งการขายให้โจทก์ขาดไป 6,193.12 บาท ให้จำเลยจ่ายส่วนที่ขาดแก่โจทก์จนครบจำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยได้จ่ายเงินช่วยเหลือรวมทั้งเงินส่วนแบ่งการขายแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๙ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด และค้างจ่ายค่าชดเชยกับเงินส่วนแบ่งการขาย (คอมมิชชั่น) ให้โจทก์ ขอให้จำเลยจ่ายเงินส่วนที่ค้างดังกล่าวกับค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ลาออกจากงานเอง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย ทั้งจำเลยได้จ่ายเงินส่วนแบ่งการขายให้โจทก์เกินกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับแล้ว
ศาลแรงงานกลาง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินส่วนแบ่งการขายที่ขาดอยู่อีก ๖,๑๙๓.๑๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า จำเลยได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่โจทก์เกินกว่าสิทธิที่โจทก์ได้รับฉะนั้น หากมีเงินค่าชดเชยตามกฎหมายหรือตามฟ้องโจทก์จำนวนใดที่ยังขาดอยู่ เงินที่จำเลยจ่ายเกินไปนี้ก็คุ้มกว่าเงินที่โจทก์จะได้รับตามฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความจากเอกสารหมาย ล.๘ ว่า ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๒๙ โจทก์มีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่งการขายเป็นเงินเพียง ๘,๑๐๘ บาท แต่จำเลยได้จ่ายเงินส่วนแบ่งการขายสำหรับยอดขายที่ยังเก็บเงินไม่ได้ให้แก่โจทก์เป็นการช่วยเหลือเกินไปอีกเป็นเงิน ๙,๓๕๑ บาท ดังนั้น ที่ศาลแรงงานกลางไม่นำเงินส่วนแบ่งการขายที่จำเลยจ่ายเกินเป็นเงิน ๙,๓๕๑ บาทมาหักกับเงินส่วนแบ่งการขายซึ่งยังขาดอยู่อีกเป็นเงิน ๖,๑๙๓ บาท ๑๒ สตางค์ จึงไม่ถูกต้องพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ปัญหาข้อนี้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าเงินส่วนแบ่งการขายจำนวน ๗ เดือน โดยคิดอัตราเฉลี่ยของ ๖ เดือนย้อนหลังนั้นการคำนวณย้อนหลัง ๖ เดือน จะต้องนำยอดของเดือนธันวาคม ๒๕๒๘ อีก ๑ เดือนมารวมคำนวณด้วย ซึ่งคิดเฉลี่ยได้เป็นเงินเดือนละ ๓,๖๒๔ บาท ๑๖ สตางค์ รวม ๗ เดือนเป็นเงิน ๒๕,๓๖๙ บาท ๑๒ สตางค์ แต่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๙,๑๗๖ บาทโจทก์จึงมีสิทธิได้รับเป็นเงิน ๖,๑๙๓ บาท๑๒ สตางค์ เช่นนี้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยได้จ่ายเงินส่วนแบ่งการขายให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วซึ่งเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่า จำเลยยังจ่ายเงินส่วนแบ่งการขายให้แก่โจทก์ขาดไปอีกเป็นเงิน ๖,๑๙๓ บาท ๑๒ สตางค์ อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๔ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย.