แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้แก่โจทก์ตั้งแต่ก่อนที่ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์รวมในส่วนของจำเลยที่ 2 บางส่วน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองจึงชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากที่ดินพิพาทก่อนเจ้าหนี้สามัญโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจำนองจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 702 วรรคสอง ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนที่ดินของตนจากที่ดินที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำยึดไว้ แต่ชอบที่ ผู้ร้องจะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่ให้ผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิได้รับเงินที่เหลือจากการขายทอดตลาด
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินและสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้รวม1,017,138.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แก่โจทก์หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้นำทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองตามตราจองเลขที่ 28 มีชื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินส่วนของจำเลยที่ 2 คนละ 1 ใน 9 ส่วน ขอให้กันส่วนที่ดินของผู้ร้องทั้งสี่ออกเสียก่อนและขายทอดตลาดเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 หากกันส่วนไม่ได้ก็ขอให้ผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิได้รับเงินส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้ แก่โจทก์เท่าส่วนที่แต่ละคนมีสิทธิได้รับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
วันนัดพิจารณาคำร้อง โจทก์ จำเลยที่ 1 และผู้ร้องทั้งสี่แถลงร่วมกันว่า ผู้ร้องทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 คนละ 1 ใน 9 ส่วน และร้องขอกันส่วนได้ผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งแปลงนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ไม่ติดใจให้กันส่วน หากมีเงินเหลือจำนวนเท่าใดก็ให้ผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 มีสิทธิได้รับเงินคนละ 1 ใน 9 ส่วนของเงินที่จะตกได้แก่จำเลยที่ 2ผู้ร้องที่ 1 แถลงประสงค์จะให้ขายทอดตลาดโดยยกเว้นเฉพาะส่วนของผู้ร้องที่ 1
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องที่ 1 ขอให้ขายโดยเว้นส่วนของผู้ร้องที่ 1 นั้น ไม่อาจทำได้ตามกฎหมายเนื่องจากเป็นเรื่องกรรมสิทธิ์รวม ผู้ร้องที่ 1 มีสิทธิเพียงขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเท่านั้น ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่ให้ผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิได้รับเงินที่เหลือจากขายทอดตลาดและชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 2 คนละ1 ใน 9 ส่วน
ผู้ร้องที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์และผู้ร้องที่ 1 ยอมรับว่าผู้ร้องที่ 1 มีสิทธิในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2จำนวน 1 ใน 9 ส่วน ซึ่งเป็นการถือกรรมสิทธิ์รวม ดังนั้นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของรวมแต่ละคนย่อมครอบไปเหนือทรัพย์สินทั้งหมดจนกว่าจะมีการแบ่ง ขณะนี้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับผู้ร้องที่ 1 ทุกส่วนของที่ดินทั้งแปลง นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้แก่โจทก์ ก่อนผู้ร้องที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์รวมตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากที่ดินพิพาทก่อนเจ้าหนี้สามัญโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจำนองจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสองผู้ร้องที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนที่ดินของตนจากที่ดินที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำยึดไว้แต่ชอบที่จะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด
พิพากษายืน