คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าให้นางสาว จ. ซึ่งอยู่ในห้องเช่าอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย รับไว้แทนจำเลยแล้วถือได้ว่าการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไปถึงจำเลยซึ่งเป็นคู่กรณีอีก ฝ่ายหนึ่งและมีผลนับแต่เวลาที่ไปถึงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 130 วรรคแรก โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าอาคารจากโจทก์ แล้วให้นางสาว จ.เข้ามาอยู่อาศัยในห้องเช่าดังกล่าวแทนจำเลย อันเป็นการผิดสัญญาเช่า สัญญาเช่าสิ้นสุดลงทันทีตามข้อตกลงในสัญญาเช่า และโจทก์ยังได้มีหนังสือแจ้งบอกเลิกการเช่าส่งไปยังจำเลยอีก จำเลยได้ทราบการบอกเลิกสัญญาเช่าแล้วไม่ปฏิบัติตาม จึงขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากห้องเช่า

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าของโจทก์เพราะโจทก์เอาไปส่งให้แก่นางสาว จ. ซึ่งเป็นปรปักษ์กับจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่า

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า สัญญาการเช่าสิ้นสุดลงทันทีโดยโจทก์มิต้องบอกกล่าวหรือบอกเลิกการเช่าอีก พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ยกประเด็นที่ว่าสัญญาเช่าตามข้อตกลงในสัญญาเช่าระงับโดยมิต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาขึ้นวินิจฉัย ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา เพราะศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานโดยมิได้กำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่ว่านางสาว จ. ผู้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญา เป็นปรปักษ์กับจำเลย ไม่ได้บอกหรือส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาให้กับจำเลย การแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีผลนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาว่า เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าคดีนี้ นางสาว จ. ซึ่งอยู่ในห้องเช่าอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยรับไว้แทนจำเลยแล้วดังนี้ ถือได้ว่าการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาของโจทก์ไปถึงจำเลยซึ่งเป็นคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งและมีผลนับแต่วันที่ไปถึง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 130 วรรคแรก ข้ออ้างของจำเลยหาทำให้การแสดงเจตนาของโจทก์ไม่มีผลไม่ โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share