คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยถ่ายสำเนาเอกสารแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเป็นภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนฉบับที่แท้จริงแล้วนำไปติดที่รถยนต์บรรทุกและรถพ่วง มีลักษณะที่ทำให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรี นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดพะเยา นายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานคร นายทะเบียนกรมการประกันภัย หรือผู้อื่นได้ จึงเป็นการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับ หาใช่ว่าจำเลยจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความให้ผิดแผกแตกต่างไปจากต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตาม ป.อ. มาตรา 264 วรรคหนึ่ง
รถพ่วงของรถอยู่ในความหมายของคำว่า รถ ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4 (9) และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 4 ซึ่งเจ้าของรถต้องเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและติดเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีที่นายทะเบียนออกให้ไว้กับตัวรถ ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 85 วรรคหนึ่ง, 90 กับต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยและติดเครื่องหมายไว้ที่รถ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง, 12 วรรคสอง รถพ่วงของรถจึงเป็นรถที่ต้องเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและจัดให้มีการประกันภัยความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยแยกต่างหากจากรถลากจูงการที่จำเลยถ่ายสำเนาเอกสารแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถไปติดที่รถยนต์บรรทุก 2 คัน และรถพ่วง 2 คัน โดยมีเจตนาก่อให้เกิดผลต่างกันเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่า ได้เสียภาษีรถยนต์และทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถแล้ว จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระแยกกันต่างหากจำนวน 4 กระทง ตาม ป.อ. มาตรา 91

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม คือ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2546 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยปลอมแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.2547 จำนวน 2 ฉบับ อันเป็นเอกสารราชการที่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำขึ้นในหน้าที่ โดยนำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.2547 เลขที่ ก. 052804 และเลขที่ ก. 168401 ฉบับที่แท้จริง ซึ่งนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรีออกให้รถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 70-0951 นนทบุรี และหมายเลขทะเบียน 72-8407 นนทบุรี ไปถ่ายสำเนาเอกสารภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนฉบับที่แท้จริงแล้วนำสำเนาแผ่นป้ายที่ถ่ายสำเนาเอกสารไปติดที่หน้ากระจกรถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 80-2212 พะเยา และรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 87-1691 กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงคันดังกล่าวในระยะห่างและไม่ตรวจดูสำเนาแผ่นป้ายโดยละเอียดหลงเชื่อว่ารถยนต์บรรทุกและรถพ่วงได้เสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.2547 แล้ว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรี ผู้อื่น และประชาชนที่พบเห็น และจำเลยปลอมแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี พ.ศ.2547 จำนวน 2 ฉบับ อันเป็นเอกสารราชการที่นายทะเบียนกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำขึ้นในหน้าที่โดยนำแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี 2547 เลขที่ 26016015793 และเลขที่ 26047169072 ฉบับแท้จริง ซึ่งนายทะเบียนออกให้แก่รถยนต์ หมายเลขทะเบียน 72-8407 นนทบุรี และหมายเลขทะเบียน 70-0951 นนทบุรี ไปถ่ายสำเนาเอกสารภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนฉบับที่แท้จริง แล้วนำสำเนาแผ่นป้ายที่ถ่ายสำเนาเอกสารไปติดที่หน้ากระจกรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-2212 พะเยา และรถพ่วง หมายเลขทะเบียน 87-1691 กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผู้พบเห็นรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงคันดังกล่าวในระยะห่างและไม่ตรวจดูสำเนาแผ่นป้ายโดยละเอียดหลงเชื่อว่ารถยนต์บรรทุกและรถพ่วงได้จัดทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี พ.ศ.2547 แล้วโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียน ผู้อื่น และประชาชนที่ได้พบเห็น หลังจากจำเลยปลอมเอกสารราชการดังกล่าวแล้ว จำเลยใช้แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.2547 จำนวน 2 ฉบับ ที่ทำปลอมขึ้นและแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี พ.ศ.2547 จำนวน 2 ฉบับ ที่ทำปลอมขึ้น โดยนำไปติดที่หน้ากระจกรถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 80-2212 พะเยา และรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 87-1691 กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงคันดังกล่าวในระยะห่างและไม่ตรวจดูสำเนาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีและแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่ติดโดยละเอียด หลงเชื่อว่ารถยนต์บรรทุกและรถพ่วงได้เสียภาษีรถยนต์และทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี พ.ศ.2547 แล้ว จำเลยได้ขับรถบรรทุกและรถพ่วงดังกล่าวไปตามถนนสุวรรณศร เมื่อพันตำรวจโทพิศุทธิ์ ใยชื่น เจ้าพนักงานตำรวจแสดงตนขอตรวจสอบการเสียภาษีและการทำประกันภัยประจำปี จำเลยได้อ้างแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีและแผ่นป้ายประกันภัยดังกล่าวต่อพันตำรวจโทพิศุทธิ์ว่า รถบรรทุกและรถพ่วงได้เสียภาษีประจำปีและทำประกันภัยถูกต้องโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรี นายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานคร นายทะเบียนกรมการประกันภัย พันตำรวจโทพิศุทธิ์ ผู้อื่นและประชาชน และจำเลยปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถโดยเป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงคันดังกล่าวไปตามถนนสุวรรณศรซึ่งเป็นถนนหลวงในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 33, 91 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 109, 152 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 265 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 109, 152 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 5 กระทง ความผิดกระทงที่ 1 ถึงที่ 4 ฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคหนึ่ง แต่กระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง จำคุกกระทงละ 2 ปี ความผิดกระทงที่ 5 ฐานปฏิบัติหน้าที่ผู้ขับรถในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถ จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ความผิดกระทงที่ 1 ถึงที่ 4 คงจำคุกกระทงละ 1 ปี ความผิดกระทงที่ 5 คงจำคุก 6 เดือน รวม จำคุก 4 ปี 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคหนึ่ง, 265, 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 264 วรรคหนึ่ง, 265 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 152 เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปความผิดเกี่ยวกับเอกสาร จำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารและเอกสารราชการกับเป็นผู้ใช้เอกสารและเอกสารราชการปลอมที่ปลอมขึ้นนั้น จึงให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เอกสารและเอกสารราชการปลอมตามมาตรา 268 วรรคสอง โดยฐานใช้เอกสารราชการปลอมจำนวน 2 กระทง จำคุก 6 เดือน ฐานใช้เอกสารปลอม จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน และฐานปฏิบัติหน้าที่ผู้ขับรถในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถจำคุก 2 เดือน รวม 5 กระทง จำคุก 20 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยถ่ายสำเนาเอกสารแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์กับแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถแล้วนำไปติดที่รถยนต์บรรทุกและรถพ่วงโดยไม่ได้แก้ไข้เปลี่ยนแปลงข้อความให้ผิดแผกแตกต่างไปจากต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงทั้งสี่ฉบับ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 เห็นว่า ความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา 264 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติม หรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนถ้าได้กระทำเพื่อผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเอกสาร… ตามบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่าผู้ทำเอกสารปลอมโดยลักษณะที่อาจเกิดความเสียแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและได้กระทำด้วยเจตนาทำเทียมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงแล้ว ต้องถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารแล้ว การที่จำเลยถ่ายสำเนาเอกสารแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเป็นภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนฉบับที่แท้จริงแล้วนำไปใช้ติดที่รถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 80-2212 พะเยา และรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 87-1691 กรุงเทพมหานคร มีลักษณะที่ทำให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ซึ่งแสดงว่ารถยนต์บรรทุกและรถพ่วงดังกล่าวได้เสียภาษีรถยนต์และทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี พ.ศ.2547 แล้ว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรี นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดพะเยา นายทะเบียนยานพาหนะกรุงเทพมหานคร นายทะเบียนกรมการประกันภัย หรือผู้อื่นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับ หาใช่ว่าจำเลยต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความให้ผิดแผกแตกต่างไปจากต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยกับรถพ่วงเป็นการกระทำคราวเดียวกันกับรถลากจูงโดยมีเจตนาอย่างเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวกัน นั้น เห็นว่า รถพ่วงของรถอยู่ในความหมายของคำว่า รถ ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4 (9) และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 4 ซึ่งเจ้าของรถต้องเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและติดตามเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีที่นายทะเบียนออกให้ไว้กับตัวรถ ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 84 วรรคหนึ่ง, 90 กับต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยโดยประกันภัยกับบริษัทและติดเครื่องหมายไว้ที่รถ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง, 12 วรรคสอง, รถพ่วงของรถจึงเป็นรถที่ต้องเสียภาษีรถยนต์ประจำปีและจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยแยกต่างหากจากรถลางจูง การที่จำเลยถ่ายสำเนาเอกสารแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประประจำปีและแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถไปติดที่รถยนต์บรรทุกและรถพ่วงมีเจตนาก่อให้เกิดผลต่างกันเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่า รถยนต์บรรทุกและรถพ่วงได้เสียภาษีรถยนต์และทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ประจำปี พ.ศ.2547 แล้ว จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระแยกกันต่างหากจำนวน 4 กระทง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฎีกาของจำเลย ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share