คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้รับแจ้งจาก บ.ให้ติดตามสืบถามขอคืนไม้ที่หายจากโจทก์ว่า เห็นโจทก์เอาไม้ไปจำเลยกับพวกก็เข้าค้นเรือนโจทก์รื้อข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งนี้โดยไม่มีหมายค้น บิดาโจทก์ห้ามก็ไม่ฟัง ทั้งไม่ได้ความแน่ชัดด้วยว่า ไม้นั้นอยู่ในเรือนโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเรือนโจทก์แล้ว ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(4)(5) แต่การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดย ปกติสุขด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ใหญ่บ้าน จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจำเลยทั้งสองร่วมกับบุคคลอื่นอีก ๗ คน สมคบกันเข้าไปในที่ดินและบ้านเรือนโจทก์ บุกรุกเข้าค้นบ้านเรือนและบริเวณอันเป็นอสังหาริมทรัพย์และเคหสถานของโจทก์ รบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในขณะที่โจทก์ไม่อยู่บ้าน ผู้ดูแลเคหสถานของโจทก์ได้ห้ามมิให้เข้าไปและไล่ออกไปก็ไม่ยอมออก ทั้งนี้ โดยจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีหมายค้นและไม่มีเหตุอันสมควรจะกระทำเช่นนั้นได้ การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕, ๘๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยกับพวกพากันขึ้นค้นบ้านโจทก์จริงแต่จำเลยที่ ๑ เข้าใจโดยสุจริตว่ามีอำนาจที่จะตรวจค้นไม้ที่หายไปได้จึงค้นเรือนโจทก์ จำเลยที่ ๑ มิได้มีเจตนาบุกรุก ส่วนจำเลยที่ ๒ กระทำไปตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑ โดยเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ กระทำไปโดยมีอำนาจ จึงไม่มีความผิดด้วยพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้เข้าไปค้นบ้านโจทก์จริง แต่เห็นว่าจำเลยทั้งสองกับพวกกระทำไปโดยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๒ การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข โดยไม่มีเหตุอันควร จำเลยย่อมมีความผิดฐานบุกรุกพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๖๕ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่ความผิดที่จำเลยกระทำไปไม่ร้ายแรงให้ปรับจำเลยคนละ ๓๐๐ บาท การนำสืบของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามมาตรา ๗๘คนละ๑ ใน ๓ คงปรับจำเลยคนละ ๒๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐
จำเลยทั้งสองฎีกาว่าการกระทำของจำเลยได้รับยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๒(๔)(๕) และจำเลยไม่มีเจตนาบุกรุก จึงไม่มีความผิด
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกับพวกเข้าค้นเรือนโจทก์เพื่อหาไม้ที่หายไม่ใช่เพื่อไปจับโจทก์ เพราะจำเลยทราบจากบิดาโจทก์ว่าโจทก์ไม่อยู่บ้าน ไม้ที่หายไม่ได้ความแน่ชัดจากผู้ใดเลยว่าตกอยู่ในเรือนโจทก์อันจะทำให้จำเลยมีความสงสัยตามสมควรเช่นนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๙๒(๔)(๕) และการที่จำเลยกับพวกเข้าค้นเรือนโจทก์อันเป็นที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้น บิดาโจทก์ซึ่งเฝ้าเรือนอยู่ในขณะนั้นได้ห้ามปรามจำเลยแล้วจำเลยไม่เชื่อ กลับขัดขืนพากันเข้าค้นเรือนโจทก์ รื้อที่นอนและข้าวเปลือกกระจัดกระจายโดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่นนี้ ย่อมต้องถือว่าจำเลยได้รู้สำนึกในการกระทำและเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเรือนโจทก์ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรเท่านั้นไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขอันจะเป็นความผิดตามมาตรา ๓๖๒ ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๔, ๓๖๕ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๖๕ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share