คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2455/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์เป็นข้าราชการได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลบุตรผู้เยาว์ซึ่งถูกทำละเมิดจากทางราชการแล้ว ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดอีกได้ เพราะสิทธิ์ของโจทก์ที่จะได้รับเงินดังกล่าวจากทางราชการ เป็นสิทธิ์ที่รัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้าง มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444, 445 และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิ์แก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุ วรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2519)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของนายทวีเดช กสิศิลป์ อายุ ๑๘ ปี เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๑๒ นายทวีเดช กสิศิลป์ โดยสารรถประจำทางของจำเลยที่ ๒ คันหมายเลข ๓๘ จากบ้านเพื่อไปโรงเรียน รถยนต์โดยสารของจำเลยที่ ๒ ถูกรถยนต์โดยสารประจำทางคันหมายเลข ๑๐๔ ของจำเลยที่ ๑ ชนเป็นเหตุให้นายทวีเดช กสิศิลป์ กระเด็นตกจากรถยนต์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพิการทุพพลภาพตลอดไป ทั้งนี้เพราะความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองในฐานะเป็นนายจ้างมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์และนายทวีเดชในผลแห่งการละเมิด ซึ่งลูกจ้างของจำเลยทั้งสองได้กระทำไปในทางการที่จ้าง คือ ค่ารักษาพยาบาล ๓๕,๒๕๐ บาท ค่าใช้จ่ายในการเสียหายของนายทวีเดช ๑๑,๔๐๐ บาท ค่าที่โจทก์ต้องอุปการะเลี้ยงดูนายทวีเดชต่อไปในอนาคต ๑๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๕๖,๖๕๐ บาท โจทก์ให้ทนายความแจ้งให้จำเลยทราบและให้จำเลยมาติดต่อเพื่อบรรเทาความเสียหาย จำเลยไม่มาติดต่อตกลงประการใด ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าว
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าคนขับรถจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินกว่าความเป็นจริง ไกลต่อเหตุและไม่ใช่ความเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องได้ตามกฎหมาย
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๑๒ รถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ได้ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ ๑ ชน ได้รับความเสียหาย ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายคน คนขับรถยนต์ของจำเลยที่๒ ถูกฟ้องในข้อหาว่าขับรถยนต์โดยประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ มิใช่เป็นฝ่ายประมาท โจทก์ไม่เสียหายมากดังที่กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหาย ๔๓,๙๐๐ บาทให้โจทก์ ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเกิดเพราะความประมาทของคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๑
วินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่า ค่าห้องพิเศษของโรงพยาบาล ๙๐ วัน วันละ ๖๐ บาท เป็นเงิน ๕,๔๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ อ้างว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดง และโจทก์ได้รับเงินจำนวนนี้จากทางราชการแล้ว จะเรียกร้องจากจำเลยที่ ๑ อีกไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีนายแพทย์รัศมี วรรณิศร ผู้ตรวจรักษานายทวีเดชเป็นพยานว่านายทวีเดชเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ๑๑๙ วันจึงออกจากโรงพยาบาล มิใช่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นลอย ๆ ควรเชื่อได้ว่าโจทก์ได้จ่ายไปจริง และแม้โจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการจะได้รับเงินจำนวนนี้จากทางราชการแล้ว ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า โจทก์ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ ๑ เพราะสิทธิ์ของโจทก์ที่จะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการเป็นสิทธิ์ซึ่งรัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ ๑
ค่าที่โจทก์ต้องเสียค่าเลี้ยงดูนายทวีเดชต่อไปในอนาคต ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ อ้างว่าไม่ใช่ค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องได้ตามกฎหมายและไกลต่อเหตุข้อนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ในฐานะบิดาจะต้องอุปการะเลี้ยงดูนายทวีเดชต่อไปในอนาคต เพราะเป็นบุคคลทุพพลภาพตลอดชีวิตต้องสูญเสียอนาคตที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้ เพราะไม่สามารถประกอบการงานอาชีพที่ได้เล่าเรียนมาโดยสิ้นเชิง โจทก์ขอคิดค่าอุปการะเลี้ยงดูเพียงระยะเวลา ๑๕ ปีในอัตราเดือนละ ๘๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปเป็นเงิน ๑๔๔,๐๐๐ บาท ในชั้นนี้โจทก์ขอคิดเพียง ๑๐,๐๐๐ บาท และในคำขอท้ายฟ้อง โจทก์ระบุว่าค่าที่โจทก์ต้องอุปการะเลี้ยงดูนายทวีเดชต่อไปในอนาคต ๑๐,๐๐๐ บาท แสดงโดยชัดว่าเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อการที่โจทก์จะต้องอุปการะเลี้ยงดูนายทวีเดชต่อไปในอนาคต ศาลฎีกาเห็นว่าในการละเมิดโดยทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้างมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๔, ๔๔๕ และ ๔๔๖ ซึ่งหาได้ให้สิทธิ์แก่โจทก์ในฐานะบิดาของนายทวีเดชที่จะเรียกร้องค่าเสียหายเพื่อการที่โจทก์จะต้องอุปการะเลี้ยงดูนายทวีเดชต่อไปในอนาคตไม่ ฉะนั้น แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบว่าเดี๋ยวนี้แขนซ้ายของนายทวีเดชยังชาอยู่ และคอยังแข็ง หากหันคอมาก ๆ มีอาการปวดเจ็บแพทย์ว่ามีโอกาสหาย แต่หลายปี กี่ปีแพทย์ไม่ได้บอก มีโอกาสจะหายน้อย โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่นายทวีเดชทุพพลภาพนี้ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นทำนองว่าโจทก์ขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่นายทวีเดชเสียความสามารถสิ้นเชิง หรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและในอนาคต ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๔ ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๒๐,๐๘๐ บาท.

Share