คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้มีชื่อนำรถแท็กซี่มาจดทะเบียนเป็นชื่อของบริษัทจำเลยที่2 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบการเดินรถยนต์บรรทุกคนโดยสาร แล้วจำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถคันดังกล่าวออกวิ่งรับคนโดยสารโดยมีตราบริษัทจำเลยที่ 2 ติดอยู่ข้างรถ และจำเลยที่ 2 ได้รับผลประโยชน์จากการนี้ด้วย ดังนี้ เท่ากับจำเลยที่ 2 เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ผู้ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิดของจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถแท็กซี่โดยประมาทชนโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าโจทก์มีส่วนประมาทและค่าเสียหายสูงเกินความจริง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่านางสาวฤทัยเจ้าของรถคันดังกล่าวนำรถมาวิ่งในนามของจำเลยที่ ๒ เพราะไม่อาจวิ่งรับจ้างโดยอิสระได้นางสาวฤทัยเป็นผู้ครอบครองและเสียภาษีรถยนต์ในนามของจำเลยที่๒ จำเลยที่ ๒ เรียกค่าธรรมเนียมการนำเข้าร่วมจากนางสาวฤทัยคันละ ๖๐ บาทต่อเดือน จำเลยที่ ๑ เช่ารถคันเกิดเหตุไปจากจำเลยที่ ๒ เป็นประจำทุกวัน มิใช่ตัวแทนของจำเลยที่ ๒ รถชนโจทก์เพราะโจทก์วิ่งตัดหน้าสุดวิสัยที่จำเลยที่ ๑ จะหยุดรถได้ทันขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน ๑๐๑,๐๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์มีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แต่จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายประมาทมากกว่าจึงให้จำเลยรับผิด ๒ ใน ๓ ส่วน ปัญหาว่าจำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ หรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารในกรุงเทพมหานคร นางฤทัยสมาชิกของจำเลยที่ ๒ ได้นำแท็กซี่คันเกิดเหตุมาจดทะเบียนเป็นชื่อของจำเลยที่ ๒ แล้วนำออกวิ่งรับคนโดยสารในนามบริษัทจำเลยที่ ๒ โดยมีตราของจำเลยที่ ๒ ติดอยู่ข้างรถโดยเปิดเผยและจำเลยที่ ๒ ได้รับผลประโยชน์จากนางฤทัยในการนำแท็กซี่คันเกิดเหตุเข้าร่วมดังกล่าวเห็นว่าแม้จำเลยที่ ๑ จะไม่ได้เป็นลูกจ้างได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ ๒ แต่การที่จำเลยที่ ๒ ยอมให้มีการจดทะเบียนแท็กซี่คันเกิดเหตุเป็นชื่อของจำเลยที่ ๒ แล้วยินยอมให้จำเลยที่ ๑ นำแท็กซี่คันดังกล่าวออกวิ่งรับคนโดยสารในนามของจำเลยที่ ๒ โดยเปิดเผย โดยจำเลยที่ ๒ได้รับผลประโยชน์ในการนี้ด้วย เท่ากับจำเลยที่ ๒ เชิดให้จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒ นั่นเอง บุคคลทั่วไปย่อมเข้าใจว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ประกอบการเดินรถยนต์รับจ้างสาธารณะรับบรรทุกคนโดยสารในกิจการของจำเลยที่ ๒ เอง จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ด้วยและโดยเหตุที่หนี้ที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์นี้เป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้แม้จำเลยที่ ๒ จะเป็นฝ่ายฎีกา ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ ๑ ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๕ ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๗
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน ๖๗,๓๓๓.๓๓ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์.

Share