คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 ที่ว่า ให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าว หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และในขณะที่เกิดบิดาหรือมารดานั้นเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนั้น คำว่า ‘บิดา’ ในประโยคที่ว่า ‘บิดาเป็นคนต่างด้าว’ กฎหมายมิได้กล่าวว่าให้หมายรวมทั้งบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายกฎหมายบทนี้เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการถอนสิทธิของบุคคลจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด คำว่า ‘บิดา’ ในที่นี้เป็นคำในกฎหมาย จึงต้องตีความว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
บ. คนสัญชาติญวนซึ่งเป็นบิดาโจทก์มิได้เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย บ. จึงมิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โจทก์ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508มาตรา 7(3) จึงไม่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางหนูเลียบ บัวหลวง คนสัญชาติไทยสมรสกับนายบุญ ฟาม คนสัญชาติญวนที่จังหวัดหนองคายเมื่อ พ.ศ. 2487 มีบุตรด้วยกันคือโจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเกิดในราชอาณาจักรไทยทุกคน โจทก์ทั้งเจ็ดไม่มีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะนายบุญ ฟาม มิได้จดทะเบียนสมรสกับนางหนูเลียบ โจทก์ทั้งเจ็ดจึงมิใช่บุคคลที่ถูกสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 เพราะมารดามีสัญชาติไทย จำเลยที่ 1 สั่งถอนชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดออกจากทะเบียนบ้าน จำเลยที่ 2 มีคำสั่งให้โจทก์ที่ 5 ออกจากราชการ จำเลยที่ 3 มีหนังสือให้โจทก์ที่ 1 นำทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์ทั้งเจ็ดไปพบจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 มีหนังสือถึงโจทก์ทั้งเจ็ดให้ไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอโพนพิสัยขอให้สั่งว่าโจทก์ทั้งเจ็ดมีสัญชาติไทย และเพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเสีย

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การว่านางหนูเลียบอยู่กินฉันสามีภริยากับนายบุญ ฟาม คนต่างด้าวสัญชาติญวนซึ่งเป็นญวนอพยพนายบุญ ฟามกับนางหนูเลียบมิได้จดทะเบียนสมรส โจทก์ทั้งเจ็ดเกิดก่อนประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ใช้บังคับ จึงเป็นบุคคลที่ต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว ข้อ 1 จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ โจทก์ทั้งเจ็ดไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 4 มิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ ที่โจทก์ถูกถอนสัญชาติไทยมิใช่การกระทำของจำเลยที่ 4 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งเจ็ดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 มีข้อความว่า

‘ให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าว หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและในขณะที่เกิดบิดาหรือมารดานั้นเป็น

(1)………….

(2)………….

(3) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง

ทั้งนี้เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรและสั่งเฉพาะรายเป็นประการอื่น

โจทก์ทั้งเจ็ดมีบิดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ในปัญหานี้จึงต้องปรับคดีด้วยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 (3) คำว่า ‘บิดา’ ในประโยคที่ว่า ‘บิดาเป็นคนต่างด้าว’ นั้น กฎหมายมิได้กล่าวว่าให้หมายรวมทั้งบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย กฎหมายบทนี้เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการถอนสิทธิของบุคคลจึงต้องตีความอย่างเคร่งครัด คำว่า ‘บิดา’ ในที่นี้เป็นคำในกฎหมาย จึงต้องตีความว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จะตีความอย่างกว้าง ๆ ว่าหมายรวมทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหาชอบไม่ นายบุญ ฟาม กับนางหนูเลียบ บัวหลวง บิดามารดาของโจทก์ทั้งเจ็ดมิได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย นายบุญ ฟาม จึงมิใช่บิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ทั้งเจ็ด โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7 (3) จึงไม่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1

พิพากษากลับว่า โจทก์ทั้งเจ็ดมิได้ถูกถอนสัญชาติไทย ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ที่กล่าวในคำฟ้องทั้งสี่คำสั่ง

Share