แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมขู่เข็ญบังคับลากพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะแล้วผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันพานางสาวสุดจิตรผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารโดยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้บังคับขู่เข็ญ ฉุดลากพาตัวผู้เสียหายไปกับร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 276, 284
จำเลยที่ 1 ให้การภาคเสธ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 276, 284 รวมสองกระทง ซึ่งการข่มขืนกระทำชำเรามีลักษณะเป็นการโทรมหญิงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก และจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารคดีถึงที่สุดจำเลยที่ 2 ได้ร่วมข่มขืนกระทำชำเราด้วย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมขู่เข็ญบังคับลากพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะแล้วผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 284, 83