แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมชำระเงินค่าเลี้ยงดูโจทก์เป็นรายเดือนจนกว่าโจทก์จะถึงแก่ความตาย หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใด ยอมยกที่ดินให้เป็นของโจทก์ทันที และศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว แม้ควายของจำเลยจะหายและต้องออกติดตามจำเลยก็ยังมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาการไปตามควายกลับไม่ทันมิใช่เหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8 ที่จำเลยว่าขายข้าวไม่ได้เพราะข้าวไม่มีราคานั้น หากขวนขวายขายในราคาต่ำด้วยความจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาชำระหนี้ ก็ย่อมทำได้ฉะนั้น เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินค่าเลี้ยงดูให้โจทก์ภายในกำหนดย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด จำเลยจะยกเหตุทั้งสองดังกล่าวแล้วเป็นข้อแก้ตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 205, 219 หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกคืนการให้ที่ดินจากจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณแล้ว โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมให้ค่าเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ ๖๐๐ บาท ภายในวันสิ้นเดือน จนกว่าโจทก์จะถึงแก่ความตายถ้าจำเลยผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง จำเลยยอมยกที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ทันทีศาลได้พิพากษาตามยอม แล้วจำเลยได้นำเงินค่าเลี้ยงดูโจทก์มาวางศาลทุกเดือนจนถึงเดือนเมษายน ๒๕๑๓ จำเลยผิดนัดไม่นำเงินมาวางศาล โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยผิดนัด ที่พิพาทตกเป็นของโจทก์ ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งให้นัดจำเลยมาศาล
จำเลยยื่นคำแถลงว่ามีอุปสรรคขัดข้องขายข้าวไม่ได้ และยืมเงินคนอื่นไม่ได้จึงขาดส่งเงินค่าเลี้ยงดูโจทก์ บัดนี้จำเลยหาเงินได้แล้ว จึงขอส่งเงินประจำเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน ๒๕๑๓ ขอให้รับไว้ด้วย ศาลชั้นต้นสั่งว่าให้รับเงินไว้ก่อนเรื่องผิดสัญญาเอาไว้พูดกันวันนัด
ถึงวันนัดพร้อม ศาลสอบจำเลย จำเลยว่าไม่ได้ส่งค่าเลี้ยงดูโจทก์เพราะควายหายต้องออกติดตาม และไม่มีเงินเพราะขายข้าวไม่ได้ ขณะนี้มีแล้วและได้นำมาวางศาลแล้ว โจทก์ว่าจำเลยผิดนัดที่นาจึงตกเป็นของโจทก์ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ไม่ต้องการเงินที่จำเลยนำมาวางไว้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัด และข้อแก้ตัวของจำเลยฟังไม่ขึ้นจำเลยจึงต้องโอนนาให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ที่จำเลยฎีกาว่า เหตุที่จำเลยไม่อาจนำเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูประจำเดือนเมษายน ๒๕๑๓ ให้แก่โจทก์ได้ เพราะควายจำเลยหายหลายตัวต้องออกติดตาม และข้าวก็ขายไม่ได้ราคา ไม่มีใครซื้อ อันเป็นเหตุสุดวิสัยและสามารถยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๒๐๕ และ ๒๑๙ นั้น เห็นว่า การที่ควายจำเลยหายและต้องออกติดตามอาจจะเป็นความจำเป็นที่จำเลยจะต้องกระทำเช่นนั้น แต่ใช่ว่าจำเลยทั้งสองต้องออกติดตามไปด้วยกัน จนไม่มีใครอยู่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา การชำระหนี้รายนี้มีกำหนดเวลาที่แน่นอน และจำเลยก็ได้ปฏิบัติอยู่เป็นประจำทุกเดือนตั้งแต่ศาลพิพากษาตามยอมในเดือนสิงหาคม ๒๕๑๑ จนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๑๓เป็นเวลาเกือบสองปี แม้จะต้องออกตามควายทั้งสองคน จำเลยก็ยังมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติการชำระหนี้อยู่ตามคำพิพากษา การไปตามควายกลับมาไม่ทันหาใช่เหตุสุดวิสัยตามความหมายในมาตรา ๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ เช่นเดียวกับที่ว่าขายข้าวไม่ได้เพราะข้าวไม่มีราคา ก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีผู้ใดซื้อข้าวเสียเลย หากขวนขวายขายในราคาต่ำด้วยความจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาชำระหนี้รายนี้ ก็ย่อมทำได้ ฉะนั้นจำเลยจะยกเหตุทั้งสองนี้เป็นข้อแก้ตัวตามมาตรา ๒๐๕, ๒๑๙ หาได้ไม่ ฯลฯ
พิพากษายืน