แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรมการอำเภอตั้งกำนันตรวจโรงฆ่าสัตว์ และทำการจับกุมผู้ฆ่าสุกร โดยไม่ได้รับอนุญาต กำนันไปพบผู้หาบของมาสงสัยว่าจะทำการขายเนื้อสุกรโดยไม่ได้รับอนุญาต จะเข้าจับกุมผู้นั้นหนีเข้าบ้าน กำนันตามเข้าไปเพื่อจะจับ จำเลยหยิบมีดมาเงื้อจะทำร้าย พอดีตำรวจจับจำเลย ดังนี้ ไม่มีเหตุถือว่า เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า และคดีนี้กำนันไม่มีอำนาจเข้าไปจับในห้อง จึงเป็นการนอกหน้าที่ จำเลยทำการป้องกันได้ ไม่มีความผิด
ย่อยาว
ได้ความว่า นายเหี้ยมเป็นกำนัน คณะกรมการอำเภอแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์ ทำการจับกุมผู้กระทำผิดฆ่าสุกรโดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันเกิดเหตุ นายเพียว หาบของมา นายเหี้ยมสงสัยว่านายเพียวจะทำการขายเนื้อสุกรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงติดตามจับกุมนายเพียวซึ่งหนีเข้าไปในบ้านห้องจำเลย จำเลยใช้มือค้ำคอ และหยิบมีดมาเงือดเงื้อจะทำร้ายนายเหี้ยม พอดีตำรวจมา จึงจับตัวจำเลย และนายเพียว และหาบของกลางนั้นมา ปรากฏว่าหาบนั้นมีเนื้อกระบือเค็ม ไม่ใช่เนื้อสุกร โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๑๑๙, ๑๒๐.
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๒๐.
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง, โจทก์ฎีกาขอให้ริบมีดของกลาง
ศาลฎีกาเห็นว่า นายเพียวไม่ได้กระทำความผิดซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า เจ้าพนักงานจึงไม่มีอำนาจที่จะติดตามเข้าไปจับกุมนายเพียวในห้องจำเลย ซึ่งเป็นที่ระโหฐานของจำเลย เมื่อกระทำไป จึงเป็นการนอกหน้าที่ จำเลยมีสิทธิ์ที่จะป้องกันความชอบธรรมของตนได้ตามสมควร เท่าที่จำเลยกระทำไปยังไม่เป็นการเกินสมควรกว่าเหตุ จึงยังไม่มีผิด พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น