แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่มีมูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่นั้นคำว่ามูลคดีหมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้องแต่ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่าโจทก์ได้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ป. ที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงพระโขนง เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิไล่เบี้ยตามมาตรา31วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพ.ศ.2535อันเนื่องมาแต่มูลเหตุละเมิดที่จำเลยได้ก่อขึ้นการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นดังกล่าวมิใช่ต้นเหตุพิพาทอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิแห่งโจทก์คงเป็นเพียงสิทธิที่โจทก์จะใช้สิทธิไล่เบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้นมูลคดีนี้จึงมิได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลแขวงพระโขนง โจทก์จึงเสนอคำฟ้องต่อศาลแขวงพระโขนงหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์ชนนายประยูร คุ้มเดชขณะกำลังเดินข้ามถนนโดยความประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้นายประยูรได้รับอันตรายแก่กาย ต่อมานายประยูรได้ยื่นคำร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นต่อสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเป็นหน่วยงานในสังกัดของโจทก์ จำนวน 9,431 บาท โจทก์จึงรับช่วงสิทธิจากนายประยูรและทวงถามให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 9,431 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2538 อันเป็นวันที่ครบกำหนดทวงถามจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า ไม่ปรากฎว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลและมูลคดีก็ไม่ได้เกิดขึ้นในเขตศาล คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาล มีคำสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์แต่เพียงว่าโจทก์ชอบที่จะเสนอคำฟ้องของตนต่อศาลแขวงพระโขนงหรือไม่ ซึ่งโจทก์ฎีกาว่า โจทก์จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่นายประยูรที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต 1 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงพระโขนง สิทธิไล่เบี้ยของโจทก์จึงเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสงค์ภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 31อันอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงพระโขนง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลแขวงพระโขนงนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 บัญญัติว่า “เว้นแต่จะมีบทบัญญัติเป็นอย่างอื่น (1)คำฟ้อง ให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่มีมูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล ไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่” คำว่า มูลคดี หมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิไล่เบี้ยดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 31วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535อันเนื่องมาแต่มูลเหตุละเมิดที่จำเลยได้ก่อขึ้นเท่านั้น การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นดังกล่าวจึงมิใช่ต้นเหตุพิพาทอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิต่อโจทก์ คงเป็นเพียงสิทธิที่โจทก์จะใช้สิทธิไล่เบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น มูลคดีจึงมิได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลแขวงพระโขนง โจทก์จะเสนอคำฟ้องของตนต่อศาลแขวงพระโขนงหาได้ไม่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน