คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่3แล้วจึงได้แจ้งการยึดที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อจำเลยที่3ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียังได้แจ้งการยึดให้นายอำเภอในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินทราบแล้วด้วยจึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีการยึดอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา304วรรคหนึ่งการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมายแล้วโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปยึดยังที่ดินและปิดประกาศการยึดไว้หรือไม่เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 1479 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า โจทก์มิได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 1479 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ณ สถานที่ทรัพย์ตั้งอยู่ ทั้งไม่เคยพบเห็นประกาศยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีการยึดทรัพย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดี และมีคำสั่งให้โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 3
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1479 พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยชอบขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้องของจำเลย ที่ 3
จำเลย ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 304 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การยึดอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำโดยนำเอาหนังสือสำคัญสำหรับทรัพย์สินนั้นมาและฝากให้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดนั้นให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบ ให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกการยึดไว้ในทะเบียน ถ้าหนังสือสำคัญยังไม่ได้ออกหรือนำมาแสดงไม่ได้หรือหาไม่พบให้ถือว่าการที่ได้แจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินนั้น เป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว” เมื่อได้ความว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดิน น.ส.3 ก.เลขที่ 1479 ตำบลลำพูน อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว จึงได้แจ้งการยึดที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อจำเลยที่ 3 ทั้งยังปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดให้นายอำเภอบ้านนาสารซึ่งกระทำการในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินทราบด้วยจึงเห็นได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดอสังหาริมทรัพย์ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304วรรคหนึ่ง การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปยึดยังที่ดินและปิดประกาศการยึดไว้ตามที่จำเลยที่ 3 ฎีกาหรือไม่ เพราะไม่เป็นเหตุทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน

Share