แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การนำสืบการใช้เงินว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรค 2 นั้น หมายความเฉพาะถึงการใช้ต้นเงินที่กู้ยืมไปเกินกว่า 50 บาท เท่านั้น ไม่กินความถึงการใช้ดอกเบี้ยด้วย การชำระดอกเบี้ยย่อมนำสืบด้วยพยานบุคคลได้ ไม่ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 94
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2503)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่ค้างจากจำเลย ๆ ต่อสู้ว่า ได้ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไปบ้างแล้ว ในวันชี้สองสถานจำเลยรับว่า การชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยขอสืบพยานบุคคล ศาลแพ่งสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า การชำระดอกเบี้ยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย เมื่อไม่มี ก็จะสืบพยานบุคคลว่าชำระแล้ว ไม่ได้ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการนำสืบการใช้เงินตาม ป.พ.พ. มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ หมายความเฉพาะการนำสืบการให้ต้นเงินเท่านั้น ไม่กินความถึงการใช้ดอกเบี้ยด้วย จำเลยขอสืบพยานบุคคลให้ข้อนี้ได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งสืบพยานในประเด็นเรื่องการชำระดอกเบี้ยตามที่จำเลยอ้างแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกาว่า การชำระดอกเบี้ยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามป.พ.พ. มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ อ้างฎีกาที่ ๕๒/๒๔๘๐
ศาลฎีกาโดยมิตที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ป.พ.พ. มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ บัญญัติเรื่องการนำสืบการใช้เงินว่า ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือเฉพาะเรื่องการกู้ยืมเงินกว่า ๕๐ บาท ขึ้นไปเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยหาได้มีบัญญัติไว้ไม่ ด้วยเหตุนี้ การที่จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จึงไม่ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา ๙๔ ฎีกาที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับเรื่องนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน