แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คต่อศาลอาญา คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เพราะโจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ ฉะนั้น การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยในข้อหาเดียวกันต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการอีก จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อเช็คถึงกำหนดใช้เงินโจทก์นำไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารคืนเช็คและแจ้งให้ไปติดต่อกับผู้สั่งจ่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พงศ.๒๔๙๓ มารตรา ๓
ในวันไต่สวนมูลฟ้อง ทนายโจทก์แถลงรับว่าเคยฟ้องจำเลยนี้ต่อศาลอาญาในข้อหาเดียวกันนี้ แต่ศาลอาญาไม่รับฟ้อง เพราะความผิดเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องไว้พิจารณา
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธร์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนที่โจทก์จะนำคดีมาฟ้องต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการนั้น โจทก์ได้ฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญามาก่อน คดียังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เพราะโจทก์เป็นฝ่านอุทธรณ์ ฉะนั้น การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการอีก จึงเป็นการต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๓ วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
พิพากษายืน.