คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5375/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยเบิกความอ้างอิงเอกสารหมาย ล.3 เป็นพยานหลักฐานยันโจทก์ โจทก์ไม่ได้คัดค้านการนำเอกสารนี้มาสืบว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานี้ไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 125 วรรคหนึ่ง ศาลจึงรับฟังเอกสารหมาย ล.3 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 213,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 26 มีนาคม 2557 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 13,750 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยร่วมเล่นแชร์กันตั้งแต่ปี 2554 โดยมีนางกัณห์ชรี เป็นนายวงแชร์ จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินฉบับละ 100,000 บาท แก่โจทก์เพื่อชำระค่าแชร์และมอบเช็คพิพาทให้แก่นายวงแชร์ จากนั้นนายวงแชร์ได้นำเช็คพิพาทมอบให้แก่โจทก์ ต่อมามีการลงวันเดือนปีในเช็คพิพาทเป็นวันที่ 10 มีนาคม 2557 และวันที่ 17 มีนาคม 2557 โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2557 โดยให้เหตุผลว่า “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” ทั้งสองฉบับ ครั้นวันที่ 18 เมษายน 2557 นายวงแชร์ถึงแก่ความตาย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์แล้วหรือไม่ พยานจำเลยมีตัวจำเลยเบิกความว่า จำเลยชำระเงินค่าแชร์รวม 200,000 บาท ตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับโดยมอบเงินสดให้แก่นางกัณห์ชรี และนางกัณห์ชรีได้มอบเงินสดให้โจทก์แล้วเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2555 แต่โจทก์ไม่ได้คืนเช็คพิพาทให้จำเลยเพราะโจทก์ไม่ได้นำเช็คพิพาทติดตัวมาด้วย นางกัณห์ชรีได้เขียนบันทึกไว้ต่อหน้าโจทก์และจำเลยลงในสมุดเช็คว่ารับเงินสด 200,000 บาท ให้ทวงถามเช็คที่โจทก์ โดยระบุเลขที่เช็ค 9666452, 3491157 และลงชื่อไว้ตามเอกสารหมาย ล.3 หลังจากนั้น จำเลยทวงเช็คพิพาทจากโจทก์หลายครั้งแต่โจทก์ไม่คืนให้ เห็นว่า พยานที่สำคัญได้แก่นางกัณห์ชรี ซึ่งเป็นนายวงแชร์ได้ถึงแก่กรรมไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีนี้ จำเลยจึงไม่ได้นำนางกัณห์ชรีมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงได้ แต่จากบันทึกเอกสารหมาย ล.3 ที่ระบุถึงเลขที่เช็ค 2 ฉบับ ตรงตามเลขที่เช็คพิพาททั้งสองฉบับและเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบลายมือชื่อของนางกัณห์ชรีในเอกสารหมาย ล.3 กับลายมือชื่อของนางกัณห์ชรีในสำเนาเช็คที่นางกัณห์ชรีเคยจ่ายให้จำเลยแล้ว มีลักษณะการเขียนคล้ายคลึงกัน แม้จะแตกต่างกับลายมือชื่อในเช็คเอกสารท้ายฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 331/2558 ที่โจทก์ยื่นฟ้องทายาทของนางกัณห์ชรีดังที่โจทก์ฎีกาก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของนางกัณห์ชรีในฐานะนายวงแชร์ที่ต้องติดตามเงินให้ผู้ประมูลแชร์ได้ ข้อนำสืบของจำเลยจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ต่างจากโจทก์ที่ตัวโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงว่ายังไม่ได้รับเงินตามเช็ค คงมีเพียงผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาเบิกความ ทั้งผู้รับมอบอำนาจโจทก์ยังเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พยานตอบตามคำบอกเล่าของโจทก์ซึ่งโจทก์จะได้รับเงินจากจำเลยหรือไม่ พยานไม่ทราบ ดังนี้ พยานจำเลยจึงมีน้ำหนักดีกว่าพยานโจทก์ น่าเชื่อว่า นางกัณห์ชรีได้รับเงิน 200,000 บาท จากจำเลยและมอบให้โจทก์ไปแล้วจึงทำบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย ล.3 ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าเอกสารหมาย ล.3 เป็นสำเนาเอกสารไม่ใช่ต้นฉบับจึงรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 นั้น ได้ความว่าขณะที่จำเลยเบิกความอ้างอิงเอกสารหมาย ล.3 เป็นพยานหลักฐานยันโจทก์ โจทก์ไม่ได้คัดค้านการนำเอกสารนี้มาสืบว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานี้ไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 125 วรรคหนึ่ง ศาลจึงรับฟังเอกสารหมาย ล.3 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตามมาตรา 93 (4) ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ามูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับสิ้นไปแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้โจทก์ ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท

Share