คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ชื่อ จำเลยในช่อง คู่ความและคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะไม่ได้ระบุว่า โจทก์ฟ้องจำเลย ทั้งแปดให้รับผิดในฐานะ อะไรก็ตามแต่ คำฟ้องของโจทก์ได้ บรรยายว่าจำเลยทั้งแปดเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของ ก. ผู้ตาย โดย จำเลยที่ 1 เป็นคู่สมรสของ ก. จำเลยที่ 2,3,4 เป็นบุตรผู้สืบสันดานของ ก.ผู้ตายเกิดจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5,6 เป็นผู้สืบสันดานของ ก. ผู้ตาย เกิดจาก ร. จำเลยที่ 7 เป็นบิดาผู้ตาย จำเลยที่ 8เป็นมารดาผู้ตาย และได้ บรรยายด้วย ว่า ก. ขับรถยนต์ โดยประมาทชนกับรถยนต์ คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย และ ก. ตาย ในที่เกิดเหตุ ย่อมพอเข้าใจได้ ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดให้รับผิดในฐานะ ผู้รับมรดกของ ก. ผู้ตาย หาใช่ฟ้องให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2212 สุโขทัยจากนายธงชัย อรรถจรูญ อายุสัญญาประกันภัย 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2527จำเลยทั้งแปดเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของนายโกศล สรรเสริญ ผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 เป็นคู่สมรสของนายโกศล จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นบุตรผู้สืบสันดานของนายโกศลซึ่งเกิดจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5 ที่ 6 เป็นผู้สืบสันดานของนายโกศลซึ่งเกิดจากนางระเบียบ แน่งน้อย จำเลยที่ 7 ที่ 8 เป็นบิดามารดาของนายโกศล เมื่อวันที่14 มิถุนายน 2528 เวลาประมาณ 9.30 นาฬิกา นายโกศลขับรถยนต์เก๋งคันหมายเลขทะเบียน ก-0788 สุโขทัย ด้วยความประมาทโดยขับด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ขับรถล้ำเข้าไปในช่องทางเดิมรถที่แล่นสวนทางมาในระยะกระชั้นชิดเป็นเหตุให้ชนกันรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ซึ่งแล่นสวนทางมาพอดี นายโกศลถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ รถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้พลิกตะแคงได้รับความเสียหายหลายรายการ โจทก์นำรถคันดังกล่าวไปซ่อมเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นเงิน 79,340 บาท โจทก์จึงรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งแปด ขอให้บังคับจำเลยทั้งแปดร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน85,690 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในัอตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 79,340 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งแปดร่วมกับหรือแทนกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า “ศาลได้ตรวจคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งแปดรับผิดเป็นส่วนตัว แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งแปดได้กระทำละเมิดต่อรถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้แต่อย่างใดเหตุนี้จึงไม่รับคำฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์รับไป”
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ชื่อจำเลยในช่องคู่ความและคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะไม่ได้ระบุว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดให้รับผิดในฐานะอะไร แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ข้อ 2 ได้บรรยายว่า จำเลยทั้งแปดเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของนายโกศลสรรเสริญ ผู้ตาย โดยจำเลยที่ 1 เป็นคู่สมรสของนายโกศล สรรเสริญ ผู้ตาย จำเลยที่ 2,3, 4 เป็นบุตรผู้สืบสันดานของนายโกศล สรรเสริญ ผู้ตาย เกิดจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5,6 เป็นผู้สืบสันดานของนายโกศล สรรเสริญ ผู้ตาย เกิดจากนางระเบียบ แน่งน้อย จำเลยที่ 7 เป็นบิดาผู้ตาย จำเลยที่ 8 เป็นมารดาผู้ตาย และตามคำฟ้องข้อ 3 ได้บรรยายถึงว่า นายโกศล สรรเสริญ ขับรถยนต์โดยประมาทชนกับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียาหย และนายโกศล สรรเสริญ ตายในที่เกิดเหตุ ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดให้รับผิดในฐานะทายาทผู้รับมรดกของนายโกศล สรรเสริญผู้ตาย หาใช่ฟ้องให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่ สมควรที่จะรับคำฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องของโจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกามีคำร้องโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้รบคำฟ้องของโจทก์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไปค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share