คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สายลับวางเงินมัดจำค่าเฮโรอีนไว้แล้วส่วนในวันจับกุมไม่ได้เตรียมเงินไปชำระอีกจับกุมได้ขณะจำเลยนำสายลับไปเอาของยังฟังไม่ได้ว่ามีการซื้อขายและส่งมอบของที่ซื้อขายกันเฮโรอีนของกลางยังคงอยู่ในความครอบครองของจำเลยในขณะนั้นจำเลยยังไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 7 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวจำคุก 20 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 จำคุก 13 ปี 4 เดือน ของกลางริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีน โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เชื่อได้ว่า เจ้าพนักงานยึดเฮโรอีนของกลางได้ในรถของจำเลยซึ่งมีไว้ในความครอบครองขณะเกิดเหตุจริง เฮโรอีนที่เจ้าพนักงานยึดมีจำนวนมากหนักถึง 1,452 กรัม การที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและถูกเจ้าพนักงานจับได้ขณะพาสายลับไปเอาเฮโรอีนดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายจริง

ส่วนปัญหาว่า จำเลยจะมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนดังข้อฎีกาโจทก์ด้วยหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงทางนำสืบโจทก์ได้ความเพียงว่า การติดต่อซื้อขายเฮโรอีนเป็นเรื่องของสายลับเป็นผู้ดำเนินการล่อซื้อจากจำเลยและจากคำเบิกความพยานโจทก์ผู้จับกุมได้ความว่า สายลับได้วางเงินมัดจำไว้แล้วบางส่วน และว่าในวันจับกุมไม่ได้เตรียมเงินไปชำระค่าของอีก ตอนจับกุมก็ได้ความเพียงว่าจับกุมขณะที่จำเลยนำสายลับไปเอาของ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่ามีการซื้อขายและส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายกันเฮโรอีนของกลางยังคงอยู่ในความครอบครองของจำเลยในขณะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยยังไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนและยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share